<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐเท็กซัสเสนอสกุลเงินดิจิทัลของรัฐที่ถูกหนุนด้วยทองคำ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในร่างกฎหมายระบุว่าต้องมีทองคำสำรองในปริมาณที่เพียงพอสำหรับสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด

ผู้ร่างกฎหมายสองคนในรัฐเท็กซัสได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการสร้างสกุลเงินดิจิทัลของรัฐบาลที่หนุนด้วยทองคำ แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวก็ถูกคัดค้านจากสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้าง CBDC

วุฒิสมาชิกนาย Bryan Hughes ได้แนะนำเสนอร่างกฎหมาย Senate Bill 2334 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ในขณะเดียวกันนาย Mark Dorazio ก็ได้แนะนำเสนอร่างกฎหมาย House Bill 4903 ในวันเดียวกัน โดยระบุว่าปริมาณทองคำจริง ๆ ที่สำรองไว้จะต้องเท่ากับมูลค่าสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นมา โดยในร่างกฎหมายระบุว่า

“สกุลเงินดิจิทัลแต่หน่วยที่ถูกสร้างขึ้นมาต้องมีทองคำหนุนไว้อยู่ในคลัง”

ร่างกฎหมายได้อธิบายว่าเมื่อมีคนซื้อสกุลเงินดิจิทัลจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมจะนำเงินที่ได้รับไปซื้อทองคำในจำนวนที่เท่ากัน

จากนั้นผู้ซื้อจะได้รับสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าที่เท่ากับจำนวนทองคำที่เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมซื้อด้วยเงินที่ได้รับจากผู้ชื่อ

มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลจะต้องเท่ากับมูลค่าของทองคำตามอัตราส่วนในขณะที่ทำธุรกรรม โดยในกฎหมายได้ระบุว่า

“ทรัสตีจะต้องรักษาทองคำให้เพียงพอสำหรับการนำสกุลเงินดิจิทัลกลับมาแลกเป็นทองคำทั้งหมด”

ในร่างกฎหมายมีการระบุเพิ่มเติมว่าอาจมีการกำหนดค่าธรรมเนียม “ในอัตราที่จำเป็น” เพื่อให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดการ

แม้ว่าจะไม่มีการผ่านร่างกฎหมายหรือการนำเสนอเพื่อลงคะแนนเสียง แต่ทั้งสองก็ระบุว่ากฎหมายนี้จะมีผลในวันที่ 1 กันยายน 2023

สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกาหลายคนกำลังโต้เถียงกันเกี่ยวกับ CBDC

นาย Ron DeSantis ผู้ว่าการรัฐฟลอริดากล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ว่า CBDC จะทำให้รัฐบาล “มีอำนาจมากขึ้น” โดยเสริมว่าจะทำให้รัฐบาล “สามารถมองเห็นกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้บริโภคได้ทั้งหมด”

ในขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 21 มีนาคม วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกัน Ted Cruz ได้เสนอร่างกฎหมายเพื่อขัดขวาง FED จากการใช้งาน CBDC กับผู้บริโภคโดยตรง โดยระบุว่า “สิ่งที่สำคัญก็คือ” ต้องแน่ใจว่านโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับ CBDC จะ “ปกป้องความเป็นส่วนตัวทางการเงิน, ไม่เกิดการควบคุมเงินดอลลาร์ หรือการควบคุมนวัตกรรม”

Source: Cointelegraph