เว็บเทรด Crypto ชั้นนำ KuCoin ต้องการดำเนินกระบวนการตรวจสอบ KYC เพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงินทั่วโลก โดย CEO ของ KuCoin ตั้งข้อสังเกตว่าการยอมรับ Crypto ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้จำนวนปัญหาด้านความปลอดภัยสูงขึ้นตามไปด้วย
บริษัท KuCoin ได้ประกาศการอัปเกรดระบบ KYC เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา ดังนั้น นับตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมเป็นต้นไป ผู้ใช้ทุกคนจึงจำเป็นต้องดำเนินการยืนยันตัวตนให้เสร็จสิ้น
หากไม่มีการดำเนินการตามนี้ ผู้ใช้ใหม่จะไม่สามารถเข้าถึงชุดผลิตภัณฑ์ของบริษัท KuCoin ได้ และในทำนองเดียวกัน ผู้ใช้เก่าจะไม่สามารถฝากเงินไปยังแพลตฟอร์มได้ แต่ยังคงสามารถเข้าถึงฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การซื้อ การขาย การเทรดแบบความเสี่ยงน้อย และรับผลตอบแทน
Johnny Lyu CEO ของ KuCoin มองว่าการยอมรับ Crypto ที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ปัญหาด้านความปลอดภัยสูงขึ้นตามไปด้วย
“ในฐานะเว็บเทรดระดับโลก KuCoin ติดตามนโยบายด้าน Crypto ของประเทศต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด และเคารพข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อทำให้ทรัพย์สินของผู้ใช้มีความปลอดภัยมากขึ้น”
ในทำนองเดียวกัน Lyu ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การตรวจสอบ KYC รอบใหม่นี้ จะช่วยปรับปรุงการปฏิบัติตามข้อบังคับของบริษัทและทั่วโลก และเขายังระบุด้วยว่าจะรับประกัน “การคุ้มครองที่ดีขึ้นสำหรับนักลงทุน”
KuCoin ไม่ใช่เว็บเทรด Crypto เพียงแห่งเดียวที่หันมาปรับใช้นโยบาย KYC เพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบทั่วโลก และเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน โดยตามรายงานจาก Reuters เว็บเทรดหลายแห่งมีแผนจะดำเนินตามนโยบายที่คล้ายกันนี้ หลังการบังคับใช้โดยหน่วยงานกำกับดูแล AML
ตัวอย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้ Binance ได้ใช้มาตรการ KYC ที่เข้มงวดสำหรับผู้ใช้มากขึ้น เช่น จำกัดการถอนเงิน และป้องกันการเข้าถึงแพลตฟอร์มจากบางประเทศ ในอีกด้านหนึ่ง Coinbase ได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อแบ่งปันข้อมูลลูกค้าและข้อมูลการทำธุรกรรม อีกทั้งในเดือนพฤษภาคม Bybit ยังจำกัดผู้ใช้มากกว่า 20,000 รายที่ไม่ทำ KYC ให้ไม่สามารถดำเนินการถอน Tether ( USDT) ได้
การเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเว็บเทรด Crypto เข้าใจถึงประโยชน์ของการทำ KYC และความเสี่ยงของการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ที่มา: coinspeaker