<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ความลับของเจ้ามือปริศนาเบื้องหลัง Ethereum Wallet มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ในยุค ICO ถูกไขกระจ่างแล้ว

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Ethereum มีความลับหลายอย่างที่ชุมชนคริปโตบอกเล่าต่อ ๆ กันมาตลอดประวัติศาสตร์ 8 ปี อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความลับที่ผู้คนมุ่งตามหาความจริงกันมากที่สุด คงไม่พ้นเรื่องราวของกระเป๋าเงินปริศนาที่เคยเข้าร่วม Ethereum ICO เมื่อปี 2014 โดยกระเป๋าเงินใบนั้นมี ETH มูลค่ามหาศาล แต่กลับไม่ได้ทำธุรกรรมใดๆ เลยนับตั้งแต่นั้นมา

กระเป๋าเงิน Ethereum จากยุค ICO

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ผู้ใช้แพลตฟอร์ม X (Twitter) รายหนึ่งที่ใช้นามแฝงว่า Conor (@jconorgrogan) ได้ออกมาชี้ให้ทุกคนสังเกตเห็นกระเป๋าเงิน Ethereum ใบหนึ่งที่ดูน่าสงสัย เนื่องจากกระเป๋าเงินใบนี้เป็นกระเป๋า ETH เพียงใบเดียวที่เข้าร่วมการ ICO ในปี 2014 และไม่ได้ทำธุรกรรมใด ๆ เลยนับตั้งแต่นั้นมา

ไม่นานนัก กระเป๋าเงินดังกล่าวก็ดูน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีชาวเน็ตค้นพบว่าในกระเป๋ามี Ethereum จำนวนกว่า 250,000 ETH ทั้งนี้บันทึกการทำธุรกรรมแสดงให้เห็นว่าเจ้าของกระเป๋าเงินได้ซื้อ ETH จำนวนมหาศาลนี้ในราคาทั้งหมด 75,000 ดอลลาร์ เมื่อปี 2014 ทว่าในขณะที่ราคา ETH เหล่านั้นเพิ่มขึ้นจนมีมูลค่าสูงกว่า 470 ล้านดอลลาร์ แต่เจ้าของกระเป๋าก็ยังไม่ได้ขายเหรียญออกไปเลยแม้แต่เหรียญเดียว

ขณะเดียวกัน Conor ได้ชี้ให้เห็นว่ากระเป๋าเงินใบนี้ยังได้รับผลตอบแทนหลายล้านดอลลาร์ จากการ Airdrop เพียงอย่างเดียวอีกด้วย โดย Conor เปิดเผยว่ากระเป๋าเงินดังกล่าวได้รับ Airdrop เป็นมูลค่ามากกว่า 6.5 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ทำกำไรแบบทวีคูณกว่า 87 เท่า จากการลงทุนในช่วง ICO

หลังจาก Conor โพสต์ลงบนแพลตฟอร์ม X ส่งผลให้หลายคนออกมาตั้งข้อสันนิษฐานหลายอย่างเกี่ยวกับเหตุผลที่เจ้าของกระเป๋าเงินใบนี้ไม่โอนเหรียญเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งข้อสันนิษฐานเหล่านั้นมีตั้งแต่การทำ private key หาย หรือผู้ถือเหรียญอาจเสียชีวิต ไม่ก็กำลังรับโทษจำคุก อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว Conor ก็สามารถเปิดเผยเรื่องราวที่แท้จริงเบื้องหลังกระเป๋าเงินใบนี้ได้ในที่สุด

เจ้าของกระเป๋าเงิน ETH มูลค่า 470 ล้านดอลลาร์ คือใคร?

เก้าเดือนหลังจากโพสต์ทวีตครั้งแรก Conor ได้กลับมาอัปเดตข้อมูลอีกครั้ง พร้อมเปิดเผยคำตอบว่าใครเป็นเจ้าของกระเป๋าเงิน ETH มูลค่า 470 ล้านดอลลาร์ และทำไมเขาถึงไม่ทำธุรกรรมใด ๆ เลย

“จริง ๆ แล้วสาเหตุเหมือนกับที่หลาย ๆ คนคาดเดา มันเป็นกรณีของการทำ private key หาย แต่ตัวตนเจ้าของกระเป๋าเงินกลับน่าสนใจยิ่งกว่า” Conor กล่าว

Conor โพสต์ภาพหน้าจอการสัมภาษณ์ Rain Lohmus ผู้ก่อตั้ง Estonian LHV Bank ธนาคารในประเทศเอสโตเนีย ซึ่งเขายอมรับว่าเขาสูญเสียการเข้าถึงกระเป๋าเงิน 250,000 ETH ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า Lohmus จะ “ไม่ได้พยายามกู้กระเป๋าเงินกลับมาอย่างจริงจัง”

ทั้งนี้ผู้ก่อตั้ง LHV Bank เปิดเผยว่าเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาเพื่อนำ ETH กลับคืนมาด้วยตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงเปิดรับ “ข้อเสนอ” จากใครก็ตามที่เชื่อว่าตนเองสามารถเข้าถึงกระเป๋าเงินใบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเศรษฐี Lohmus จะไม่ได้กังวลกับ ETH มูลค่าหลายล้านของเขามากนัก

“ผมไม่ชอบสิ่งที่อาจกลายเป็นศูนย์หรือหนึ่ง คุณอาจใช้เวลาสิบปีกับมัน แล้วอาจจบลงด้วยการที่มันกลายเป็นศูนย์ แต่มันก็อาจจบลงด้วยการที่คุณแก้ปัญหาได้ ส่วนผมชอบการทำสิ่งที่มองเห็นความก้าวหน้าได้ในทุก ๆ วัน”

ที่มา: bitcoinist