เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (UNODC) ได้ออกมารายงานว่า หนึ่งใน Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Tether ( USDT) นั้นเป็นที่นิยมในกิจกรรมผิดกฎหมายและการฟอกเงิน
“USDT บนบล็อกเชนของ Tron ได้กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการฉ้อโกงทางไซเบอร์และผู้ฟอกเงินในภูมิภาค เนื่องจากความเสถียรและความสะดวก การไม่เปิดเผยตัวตน และค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมต่ำ”
ซึ่งหลังจากการรายงานดังกล่าว ทาง Tether ก็ได้ออกมาตอบสนองกับทาง UN ในวันเดียวกัน โดยเน้นย้ำว่าทางหน่วงงานเพิกเฉยต่อการตรวจสอบย้อนกลับของทางบริษัท และไม่สนใจความร่วมมือที่ทาง Tether ได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก
โดย Tether ได้กล่าวว่า ทางบริษัทได้มีการอายัดเงินจำนวนมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ USDT ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการอายัดเงินอีกกว่า 225 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2023 หลังพบว่าเงินดังกล่าวเกี่ยวข้องกับองค์กรค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“การประเมินของ UN เน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันก็เพิกเฉยต่อบทบาทในการช่วยเหลือประเทศที่กำลังพัฒนาในตลาดเกิดใหม่ ที่ถูกโลกการเงินโลกละเลยโดยสิ้นเชิง เพียงเพราะการให้บริการชุมชนดังกล่าวจะไม่สร้างผลกำไรสำหรับพวกเขา”
นอกจากนี้ Tether ยังได้กล่าวว่า พวกเขาได้ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก ที่ทำให้ทางบริษัทสามารถตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้มากกว่าระบบธนาคารแบบดั้งเดิมที่เป็นช่องทางในการฟอกเงินจำนวนมากมานานหลายทศวรรษ
ในขณะที่เรียกร้องให้ประชาคมโลกและสหประชาชาติร่วมมือและขยายการรับรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี บล็อกเชน เพื่อตอบสนองต่ออาชญากรรมทางการเงินให้ดีขึ้นอีกด้วย
ที่มา: CoinTelegraph