ดูเหมือนว่าในตอนนี้นักขุด Bitcoin จะกำลังเปลี่ยนความสนใจไปที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่มมากขึ้น เพื่อหวังเข้ามาแก้ไขปัญหาต้นทุนทางด้านพลังงาน หลังจากเหตุการณ์ Bitcoin Halivng ทำให้ต้นทุนของพวกเขามากขึ้น
รายงานล่าสุดจาก CoinShares เผยว่า เหตุการณ์ Bitcoin Halving ที่พึ่งผ่านไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของอุปทาน Bitcoin ช้าลง 50% ซึ่งอาจผลักดันให้นักขุดหันไปหาแหล่งรายได้ทางเลือกอื่นมากขึ้น
โดย CoinShares ได้ชี้ว่า บริษัทขุดเหมืองยักษ์ใหญ่อย่างเช่น BitDigital, Hive และ Hut 8 ได้หันไปสร้างรายได้จาก AI มากขึ้น ในขณะที่บริษัทอย่าง TeraWulf และ Core Scientific กำลังดำเนินงานและวางแผนที่จะเติบโตในพื้นที่นี้อยู่
“แนวโน้มนี้ชี้ให้เห็นว่าการขุด Bitcoin อาจย้ายไปยังแหล่งพลังงานที่ใกล้เคียงมากขึ้น ในขณะที่การลงทุนใน AI เติบโตในสถานที่ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น”
ซึ่งสาเหตุหลังที่นักขุดหันไปให้ความสนใจอย่างอื่นเพิ่มขึ้นนั้น เกิดมาจากเหตุการณ์ Halving ที่ผลักดันให้ต้นทุนในการขุด Bitcoin พุ่งสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า โดยคาดว่าราคาในการผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นจาก 16,300 ดอลลาร์เป็น 34,900 ดอลลาร์ต่อ Bitcoin
นอกจากนี้ อัตรา Hashrate หรือจำนวนพลังงานที่ใช้ในการประมวลผลธุรกรรมเองก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการคาดการณ์เผยว่า อัตรา Hashrate อาจพุ่งขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 89 exahash ต่อวินาที (EH/s) ขึ้นไปสูงถึง 700 exahash ภายในปี 2025 อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ดังกล่าวอาจมากกว่าความเป็นจริงที่ประมาณ 10% เนื่องจากอาจมีนักขุดบางรายปิดเครื่องขุดของพวกเขาทิ้งไป
ทั้งนี้ในรายงานยังได้เน้นย้ำว่านักขุดอาจต้องจัดการกับหนี้สินจริงจังมากขึ้น เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมหลังเหตุการณ์ Halving ที่ท้าทาย และรักษาเสถียรภาพทางการเงินเพื่อดำเนินกิจกรรมต่อไปให้ได้ และในขณะที่อุตสาหกรรมการขุด Bitcoin ปรับให้เข้ากับเงื่อนไขใหม่หลัง Halving การนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมนี้อาจสร้างศักยภาพในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้นได้
ที่มา: CryptoBriefing