<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

บริษัท Crypto ชี้ ! การ Halving ครั้งล่าสุดของ Bitcoin อาจไม่จุดชนวนตลาดกระทิงอย่างยั่งยืน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

บทวิเคราะห์จากบริษัท Kaiko ชื่อว่า “การ Halving ครั้งที่สี่ของ Bitcoin: ครั้งนี้แตกต่างไหม?” โดยชี้ว่า เหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin ที่เพิ่งผ่านไปไม่น่าจะจุดชนวนตลาดขาขึ้นอย่างยั่งยืนในช่วง 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า

แม้ในอดีตราคา Bitcoin เคยพุ่งสูงหลังจาก Halving แต่สภาพการณ์ปัจจุบันแตกต่างออกไป เนื่องจาก Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างมีผู้รู้จักมากแล้ว และสภาวะเศรษฐกิจมหภาคยังมีความไม่แน่นอน ตลาดขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้นขึ้นอยู่กับการดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ ซึ่งกองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ และฮ่องกง อาจเป็นตัวช่วยสำคัญ ดังนั้น สภาพคล่องที่แข็งแกร่งและความต้องการที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการยกระดับมูลค่าของ Bitcoin ในเร็วๆ นี้

ปฏิกิริยาของตลาดต่อการ Halving มีความซับซ้อน เนื่องจากมีความคิดเห็นที่ผสมกัน ทั้งความคาดหวังต่อการอนุมัติ Spot ETF และสภาพคล่องที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค

ผลกระทบจากการ Halving ของ Bitcoin ในอดีตนั้นแตกต่างกันไป แต่แนวโน้มในระยะยาวมักจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หลักการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ชี้ว่า ตลาดอาจได้คาดการณ์ผลกระทบจากการ Halving ไปแล้วในระดับหนึ่ง นักวิเคราะห์จาก Kaiko กล่าวว่า “ตามทฤษฎีแล้ว ตลาดที่มีประสิทธิภาพจะสะท้อนข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์” ซึ่งบ่งชี้ว่า ผลกระทบจากการ Halving อาจมีน้อยกว่าที่คาดการณ์

นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมยังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดมีการใช้งานโปรโตคอลใหม่บน Bitcoin ที่เรียกว่า Runes ส่งผลให้ความต้องการพื้นที่บล็อกเพิ่มขึ้น

สภาพคล่องจะเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดหลังการ Halving การอนุมัติ Spot ETF ช่วยฟื้นฟูสภาพคล่อง ซึ่งส่งผลดีต่อเสถียรภาพของราคาคริปโตและความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม การ Halving ครั้งแรกในช่วงที่ดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงเป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ประสิทธิภาพการเทรดของ Bitcoin ในระยะยาว ยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

การปรับลดความคาดหวัง

Darren Franceschini ผู้ร่วมก่อตั้ง Fideum เชื่อว่า เชื่อว่าสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงไม่น่าจะแสดงความตื่นเต้นมากนัก สภาวะหลังการ Halving โดยทั่วไปมักจะเป็นช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหว sideways (ราคาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง) ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ซึ่งมักจะไปสิ้นสุดที่จุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

Franceschini กล่าวว่า “ผมคิดว่าการปรับความคาดหวังให้เหมาะสมตามวัฏจักรในอดีต น่าจะดีกว่าการหลงไปกับความคาดหวังลมๆ แล้งๆ ของตลาด”

นอกจากนี้ เขายังเสริมว่า แม้จะไม่ได้ทำนายราคาอย่างชัดเจน แต่นักลงทุนที่เข้าสู่ตลาดตอนนี้และวางแผนการออกจากตลาดอย่างชาญฉลาดด้วยการสังเกตจุดสูงสุด อาจได้รับผลตอบแทนที่น่าพอใจ จากแนวโน้มราคาที่ปรับตัวขึ้นหลังการ Halving ในอดีต

อย่างไรก็ตาม Franceschini ไม่คิดว่าการ Halving จะส่งผลกระทบต่อทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน

ที่มา: cryptobriefing