แม้ตลาดคริปโตจะชะลอตัวลง แต่ภาวะตลาดขาขึ้นก็ยังไม่จบ เมื่อตลาดขาขึ้นกลับมา คริปโตบางเหรียญอาจจะพุ่งแรงกว่าเดิม
หลังจากเผชิญกับช่วงตลาดขาลงที่โหดร้าย นักลงทุนหลายคนต่างก็จับตาดูสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดขาขึ้น แม้ว่าจะเป็นการยากที่จะคาดการณ์อนาคตได้อย่างแน่ชัด แต่มีบางแนวโน้มที่นักลงทุนควรพิจารณาเพื่อเตรียมตัวสำหรับโอกาสใหม่ ๆ
3 เทรนด์แนวโน้มที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนในตลาดคริปโต
ในวงการคริปโต มีเรื่องราวที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรจะต้องเชื่อและเข้าใจอยู่ 3 เรื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญคือ การทำความเข้าใจ “เบื้องหลังที่มาที่ไป” ของแต่ละผลิตภัณฑ์ เนื่องจากในแวดวงคริปโตเป็นกลุ่มคนที่เน้นย้ำเรื่องนวัตกรรม พวกเขาเหล่านี้ชื่นชอบคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ดังนั้น แนวโน้มที่น่าจับตามอง 3 ประการ มีดังนี้
แนวโน้มที่น่าจับตามอง อันดับแรกคือ การผสมผสานระหว่างปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence: AI) กับเทคโนโลยี บล็อกเชน (blockchain) ขณะนี้มีโปรเจกต์จำนวนมากที่กำลังพยายามสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นจุดตัดของบล็อกเชนและ AI แม้ว่าผลลัพธ์จะยังไม่แน่นอน แต่แนวคิดนี้ถือว่ามีพลัง เทรนด์นี้กำลังขับเคลื่อนทั้งศักยภาพของบล็อกเชนและความก้าวหน้าอันล้ำสมัยของ AI ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจจากทั้งนักลงทุนและผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีนี้ได้ โปรเจกต์ที่น่าสนใจในแนวโน้มนี้ ได้แก่ RitualNet และ Morpheus
แนวโน้มที่น่าจับตามองอันดับสอง มุ่งเน้นไปที่พื้นฐานที่สำคัญยิ่งกว่าคือ การนำสินทรัพย์จริงมาแปลงเป็นโทเค็น (tokenization of real assets) หรือ การนำสินทรัพย์มาแปลงเป็นโทเค็น (tokenization of debt)
ในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ตลาดตราสารหนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้น แต่ในแวดวงคริปโตเคอเรนซี ขณะนี้ยังไม่มีตลาดตราสารหนี้ แม้ว่า Stablecoin จะถูกมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดประเภทนี้ เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ออก Stablecoin เพื่อแลกเปลี่ยนกับดอลลาร์สหรัฐจริง แล้วนำไปซื้อพันธบัตรระยะสั้นของสหรัฐฯ อีกที
อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการแปลงสินทรัพย์ขององค์กรเป็นโทเค็น ยังไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาในวงการคริปโต ดังนั้นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการแปลงหนี้เป็นโทเค็นจึงมีศักยภาพมหาศาล ซึ่งโปรเจกต์ที่น่าสนใจในแนวโน้มนี้ ได้แก่ PV01 และ Ondo Finance
แนวโน้มของโทเค็น AI ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2024 ที่มา: CoinGecko
แนวโน้มที่น่าจับตามองอันดับสาม มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มปริมาณธุรกรรมที่ระบบประมวลผลได้ และลดต้นทุนการดำเนินงาน
แนวโน้มนี้จะใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เครื่องเสมือนอีเทอเรียมแบบขนาน (parallel Ethereum Virtual Machines: EVMs) เพื่อประมวลผลธุรกรรมหลายรายการพร้อมกัน ช่วยเร่งความเร็วในการทำธุรกรรม นอกจากนั้นเทคโนโลยี zero-knowledge proofs: ZK proofs ยังช่วยในเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงความเรียบง่าย ทำให้ทั้งระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและมีต้นทุนที่ต่ำลง โปรเจกต์ที่น่าสนใจในแนวโน้มนี้ ได้แก่ Sei และ Monad
เราสามารถใช้เทรนด์แนวโน้มเหล่านี้ในการประเมินผลิตภัณฑ์ด้านคริปโตได้อย่างไร ลองนึกภาพนักลงทุนที่กำลังศึกษาผลิตภัณฑ์ด้านคริปโต ที่เขาสนใจ บางทีอาจจะตื่นเต้นกับโปรเจกต์นั้น ๆ ทุกครั้งที่เขาเจอเอกสารที่อ่านไม่เข้าใจ เขาก็จะไฮไลต์ข้อความนั้นเป็นสีแดง พออ่านไปทั้งเล่ม เขาก็เห็นว่ามีข้อความสีแดงเต็มไปหมด ซึ่งหมายความว่าเขาไม่เข้าใจรายละเอียดของผลิตภัณฑ์นั้นมากพอ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไม่ลงทุน
นี่เป็นกลยุทธ์ง่าย ๆ คือ หากการลงทุนซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจได้ แสดงว่ามันอาจไม่ใช่การลงทุนที่ดี แนวทางนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความชัดเจน
ดังนั้น เวลาที่คุณคิดจะลงทุนตามกระแส โปรดจำไว้ว่า ผู้นำยักษ์ใหญ่ในตลาดเหล่านี้อาจเข้ามาลงทุนในตลาดนี้ก่อนแล้ว เมื่อมีกระแสที่ชัดเจน ยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะเข้ามาลงทุนก่อนรายย่อยเสมอ นี่เป็นข้อเตือนที่ดีว่า เราควรหมั่นศึกษาหาความรู้ เพราะในโลกของการลงทุน ยักษ์ใหญ่เหล่านี้มักเป็นผู้นำตลาด
ที่มา : cointelegraph