ในตอนนี้ตลาดคริปโตได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังราคา Bitcoin (BTC) ได้ทะลุเกิน 30,000 ดอลลาร์ พร้อมกับ Ethereum ETH) ที่มีมูลค่าสูงกว่า 1,650 ดอลลาร์ไปแล้ว
รวมถึงเหรียญอย่าง XRP ที่ราคาได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหันมาสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง
โดยบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ถึงราคาของ Bitcoin, Ethereum และ XRP กันว่าจะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงแนะนำ Altcoin ตัวใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะพุ่งสูงขึ้นในช่วงปลายปีนี้อีกด้วย
Bitcoin พร้อมวิ่งเข้าเส้นชัยในปลายปีนี้แล้ว หลังราคาเหรียญฟื้นตัวกลับมาอย่างน่าประทับใจ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ราคา Bitcoin ในตอนนี้ได้เอาชนะช่วงขาลงในตลอดทั้งปีไปแล้ว หลังจากที่ราคาเหรียญได้ลดลงมาตลอดในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา
โดยหลังจากจุดต่ำสุดที่ประมาณ 24,970 ดอลลาร์ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าราคาเหรียญก็มีการเคลื่อนไหวที่น่าประทับใจอีกครั้ง และตอนนี้ก็ได้กลับมาอยู่เหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และโมเมนตัมได้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ทำให้ Bitcoin ในตอนนี้มีการซื้อขายอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) 50 วันและ 200 วัน แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของราคาของเหรียญจะไปในทิศทางไหนต่อไป
ซึ่งนักวิเคราะห์และนักเทรดหลายๆ คนมีความมั่นใจว่า Bitcoin จะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้นและจบปีด้วยจุดสูงสุด
โดยนักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงอย่าง CrediBULL Crypto ก็ได้คาดการณ์ว่า หลังจากที่ Bitcoin ได้ทะลุ 30,000 ดอลลาร์ไปนั้น แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ราคาเหรียญเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งก็ได้
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงนั้นยังมีอยู่ แต่เมื่อมองในทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานแล้ว ดูเหมือนจะสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ CrediBULL อีกด้วย
ทว่าหาก BTC สามารถคงไว้เหนือระดับ 30,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ได้ ราคาเป้าหมายถัดไปที่เป็นไปได้ในต้นเดือนพฤศจิกายนอาจเป็นระดับสูงสุดที่ 31,870 ดอลลาร์
และถ้าหากทำลายระดับสูงสุดนี้ได้อีก ก็อาจทำให้ BTC พุ่งสูงถึง 35,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีก 14% จากมูลค่าปัจจุบัน
Ethereum ดูเหมือนพร้อมที่จะทำลายแนวต้านและก้าวต่อไปที่แนวโน้มขาขึ้นแล้วในตอนนี้
ในขณะเดียวกัน Ethereum เองก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกภายในสิ้นปีนี้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่ราคาเหรียญได้เจอกับแนวรับที่ 1,530 ดอลลาร์ ในวันที่ 13 ตุลาคม ETH ก็เด้งกลับมาเหนือเส้น EMA 50 ที่ราคา 1,630 ดอลลาร์ และในตอนนี้ ตัวเหรียญก็กำลังทดสอบ EMA 200 วันเป็นแนวต้าน ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยทะลุมาก่อน นับตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม
แต่ถ้าหาก ETH สามารถทำลายแนวต้านนี้ไปได้ มันก็จะเปิดประตูให้ราคาเหรียญกลับมาที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้
โดยปัจจัยที่ทำให้ราคา ETH เพิ่มขึ้นนั้น น่าจะได้รับแรงหนุนจากการปรับขนาดเลเยอร์ 2 มาใช้ให้เร็วขึ้น ที่จะช่วยลดปัญหาการแออัดและค่าธรรมเนียมก๊าซที่สูงในเครือข่าย Ethereum
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าประสิทธิภาพของ ETH นั้นยังขึ้นอยู่กับปัจจัยตลาดในวงกว้าง ที่รวมถึงเส้นทางของ Bitcoin และการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย
และถ้าหากว่า Fed ตัดสินใจที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ก็เป็นไปได้ว่าตลาดอาจมีความเชื่อมั่นที่จะลดความเสี่ยงในการลงทุนลง ซึ่งรวมถึงสกุลเงินดิจิทัล และ ETH ที่ราคาเหรียญอาจกลับมาที่ 1,530 ดอลลาร์ได้
ดูเหมือนว่า XRP จะยังคงพุ่งต่อไป หลังการฟ้องร้องของ SEC นั้นใกล้จะสิ้นสุดลง
หลังจากที่คดีของ SEC ได้สิ้นสุดลงไปนั้น ก็ได้ทำให้แนวโน้มขาขึ้นของ XRP นั้นชัดเจนยิ่งขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้ และอาจยาวไปถึงปี 2024 อีกด้วย
โดยการแก้ไขความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบมาเป็นเวลาหลายปีนี้ แสดงให้เห็นถึงความน่าประทับใจ และศักยภาพของ XRP ที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะโทเค็นและทาง Ripple Labs เอง
นอกจากนี้ Jeremy Hogan ทนายที่เน้นว่าความเกี่ยวกับคริปโต ก็ได้กล่าวว่า “ถึงเวลาที่ต้องจบคดีนี้แล้ว”
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ ได้ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อเพิ่มขึ้น รวมถึงสนใจในการซื้อ XRP จนราคาเหรียญได้เติบโตอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ในขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับคดี SEC ได้จางหายไป
และด้วยความสามารถของ Ripple ที่สามารถมุ่งเน้นไปที่การขยายการใช้งานได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการนำ XRP มาใช้ในกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เครือข่ายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งมุมมองทางเทคนิคได้แสดงว่า ราคา XRP ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นคืนมาได้ และอาจจะปูทางไปสู่การฟื้นตัวที่เพิ่มขึ้นอีกในเร็วๆ นี้
และเป็นไปได้ว่าเป้าหมายของ XRP ก่อนสิ้นปีนี้ อาจขึ้นไปแตะ 0.620 ดอลลาร์ โดยเพิ่มขึ้นมา 18% จากราคาปัจจุบัน และในก่อนหน้านี้แนวราคานี้ได้ทำหน้าที่เป็นแนวรับในเดือนสิงหาคมอีกด้วย
คริปโตตัวอื่นที่สามารถปรับให้เพิ่มขึ้นได้?
ในขณะที่ BTC, ETH และ XRP กำลังได้รับความสนใจจากการเพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่เหรียญเดียวที่มีโอกาสมีแนวโน้มที่ดี
เพราะก็ได้มีโครงการใหม่ๆ อยู่อีก ที่กำลังได้รับความสนใจอย่าง Bitcoin Minetrix ที่มีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอแนวทางใหม่ในด้านธุรกิจขุดคริปโต
Bitcoin Minetrix เหรียญที่ได้เปิดตัวว่าเป็น Stake-to-Mine ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อปฏิวัติการขุดบนคลาวด์
Bitcoin Minetrix (BTCMTX) เป็นโครงการคริปโตใหม่ที่น่าตื่นเต้นและมีแนวทางที่แตกต่าง ด้วยการขุดบนคลาวด์ผ่านโมเดล Stake-to-Mine
โดยผู้ใช้จะได้รับเครดิตการขุดที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ผ่านการ Stake โทเค็น BTCMTX ซึ่ง Bitcoin Minetrix จะช่วยขจัดความเสี่ยงมากมายที่เกี่ยวข้องกับการขุดบนคลาวด์ในแบบเดิม ในขณะที่ทำให้เข้าถึงรางวัล BTC ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
และในตอนนี้ ก็ได้มีการระดมทุนไปได้ถึง 42.5% ของการดำเนินการจัดหาเงินทุนทั้งหมด และดูเหมือนว่า Bitcoin Minetrix จะยังอยู่ในตำแหน่งที่ดีในการปฏิบัติตามคำสัญญา
โดยตัวโครงการก็ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี และมีผู้คนมากกว่า 2,800 คนได้เข้าร่วมช่อง Telegram อย่างเป็นทางการ อีกด้วย
และเมื่อพิจารณาจากราคาคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ รวมถึงการ Halving ของ Bitcoin ในปี 2024 ทำให้เป็นจังหวะที่ดีของ Bitcoin Minetrix
ซึ่งโครงการนี้ได้ระดมทุนได้มากกว่า 2.1 ล้านดอลลาร์ ในช่วงพรีเซลที่มีระยะเวลาจำกัด โดยผู้ลงทุนในอนาคตสามารถรับโทเค็น BTCMTX ได้ในราคา 0.0112 ดอลลาร์ ในช่วงระยะที่ 3 ของโครงการ
และเมื่อพรีเซลสิ้นสุดลง นักพัฒนาของ Bitcoin Minetrix ก็มีแผนที่จะเปิดตัวโทเค็น BTCMTX ในกระดานเทรดที่มีชื่อเสียงต่างๆ ซึ่งนักลงทุนหลายคนเชื่อว่าราคาเหรียญจะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ผู้ใช้ที่ได้ Stake BTCMTX จะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 276% ต่อปี แสดงให้เห็นว่า Bitcoin Minetrix เป็นอีกหนึ่งคริปโตที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับปลายปี 2023 นี้แล้ว
โดยนักลงทุนสามารถเข้าชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Bitcoin Minetrix เพื่อซื้อ BTCMTX โดยใช้ ETH, USDT, หรือบัตรเครดิต/เดบิต ได้เลย
เยี่ยมชม Bitcoin Minetrix Presale ได้ที่นี่
บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์เหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่เท่านั้น ทางผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนแต่อย่างใด คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
บทความนี้เป็นบทความสปอนเซอร์