ในปี 2017 ที่ถือเป็นปีที่รัฐบาลไทยออกมาประกาศผลักดันความเป็น “Thailand 4.0” นั้นได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ค่อนข้างเป็นบวกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบ Payment Gateway ใหม่ๆ, การเปิดตัวระบบช่วยเหลือการโอนเงินระหว่างประเทศด้วย Blockchain ของธนาคาร และการสร้างระบบหนังสือค้ำประกันด้วย Blockchain และเล็งพัฒนากฎหมายด้าน Fintech
กระนั้นดูเหมือนว่ากระแสที่จะมาแรงมากที่สุดในปีนี้ที่ไปกลบกระแสด้าน Fintech อื่นๆจนเกือบหมดคงหนีไม่พ้นกระแส Bitcoin และ cryptocurrency ที่ ล่าสุดนั้นได้ไปดึงดูดความสนใจของทางธนาคารแห่งประเทศไทยจนทำให้พวกเขาต้องออกมาประกาศว่ากำลังศึกษา Bitcoin รวมถึงสื่อกระแสหลักอย่างผู้จัดการที่ไม่นานมานี้ก็ออกมาบอกว่า Bitcoin นั้นคือ “หายนะแห่งอนาคต” โดยหลังจากนั้นก็มีสื่อกระแสหลักอีกหนึ่งสื่อที่เราๆนั้นคุ้นเคยกันดีอย่าง TNN 24 ที่เมื่อวันนี้ออกมานำเสนอข่าวอีกด้านเกี่ยวกับ Bitcoin เช่นกัน
โดยการสัมภาษณ์ของ TNN 24 กับดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในไทยที่ออกมาอธิบายเกี่ยวกับที่มาของ Bitcoin, วิธีที่จะได้มันมา และกระแสของมันที่กำลังบูมในประเทศไทยขณะนี้ โดยเขายังได้เน้นย้ำว่า Bitcoin นั้นยังเป็นสกุลเงินที่ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ เนื่องจากว่าปัจจุบันมีผู้คนในประเทศไทยที่ถูกหลอกโดยพวกกลุ่มมิจฉาชีพหรือแชร์ลูกโซ่ว่าจะสามารถ “รวยเร็ว” ได้ด้วย Bitcoin และยังบอกว่าทางรัฐบาลควรที่จะหันมาดูแลและป้องกันปัญหาด้านนี้
“อันนี้ก็คือรัฐต้องดูแลครับว่า อันที่หนึ่งเนี่ย มันเป็นเรื่องของความโลภ นะฮะ ว่าเราอยากจะได้บิทคอยน์เพื่อที่จะปั่นราคาให้มันแพงขึ้น นะฮะ ก็ คนที่ อันที่สองเนี่ย ไอระบบที่มันเป็นเหมือนกับลูก แชร์ลูกโซ่หรือทำไรพวกนี้บอกลงบิทคอยน์แล้วได้เงินเพิ่มขึ้นทำอะไรพวกนี้ได้รวดเร็วเนี่ย อันเนี้ย รัฐต้องไปดูแลเพราะว่ามันจะอาศัย เอ่อ ความดังของบิทคอยน์เนี่ยมาเป็นแชร์ลูกโซ่มาหลอกลวงประชาชนต่อ”
กล่าวโดย ดร.โกเมน
โดยเขายังกล่าวต่ออีกว่าทางรัฐบาลของประเทศไทยนั้นควรที่จะออกมาให้ความรู้กับประชาชนอย่างถูกต้องถึงที่มาว่า Bitcoin นั้นคืออะไร และมีความเสี่ยงยังไงอีกด้วย โดยเขากล่าวว่า
“ก็คือ รัฐเองอย่างแรกเลยจะต้องให้ความรู้ประชาชนก่อนว่าหนึ่ง บิทคอยน์มันคืออะไร แล้วมันมีความเสี่ยงยังไง”
Bitcoin ไม่ใช่ OneCoin
ดูเหมือนว่าดร.โกเมนนั้นจะทราบดีในเรื่องของการแอบอ้าง Bitcoin เพื่อนำมาผสมกับแชร์ลูกโซ่และหลอกลวงให้หันมาลงทุน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ OneCoin ที่ก่อนหน้านี้ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาเตือนให้ประชาชนชาวไทยระวังถึง OneCoin ที่มีการแอบอ้างว่าตัวเองเป็น Cryptocurrency ทั้งๆที่ระบบดังกล่าวนั้นไม่มี Blockchain เป็นของตัวเองแต่ใช้แค่ฐานข้อมูล SQL เท่านั้น
รวมถึงรัฐบาลในประเทศอื่นๆอย่างเช่นอิตาลีและอินเดียที่ได้มีการออกมาระงับการทำกิจกรรมของ OneCoin และจับกุมแม่ทีมอีกด้วย และยังมีรัฐบาลประเทศเวียดนามที่ออกมาตอบโต้เอกสารปลอมที่ทางหนึ่งในแม่ทีมของ OneCoin ทำขึ้นมาอีกด้วย
สกุลเงินธรรมดาดีกว่า Bitcoin
เมื่อทางพิธีกรรายการถามดร.โกเมน ถึงการใช้ Bitcoin ในการซื้อสินค้าที่ถูกกฎหมายว่าสามารถทำได้หรือไม่ เขาได้แนะนำว่าควรจะใช้เงินสกุลเงินธรรมดาอย่างเช่นบาทหรือดอลลาร์ หรือบัตรเครดิตในการทำธุรกรรมมากกว่า เนื่องจากว่า Bitcoin นั้นหายาก
“ก็จริงๆมันก็ใช้ได้ครับ แต่คุณจะใช้ทำไมเพราะว่ามันหายาก ทำไมคุณไม่ใช้เงินบาท หรือเงิน US ดอลลาร์หรือว่าจ่ายด้วยบัตรเครดิตก็ได้”
กล่าวโดย ดร.โกเมน
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
และเมื่อทางพิธีกรรายการถามว่าในการทำธุรกรรมด้วย Bitcoin ที่ถูกกฎหมายนั้นมีเยอะหรือไม่ ดร.โกเมนกล่าวว่าเท่าที่เขาได้เห็นมานั้น ยังค่อนข้างน้อยอยู่
“เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยเยอะครับ น้อย แต่ยังมีเนี่ย ส่วนใหญ่เค้าจะเอาไว้ใช้เก็งกำไรกันมากกว่า”
เสริมโดย ดร.โกเมน
ก่อนหน้านี้รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศทำให้ Bitcoin ถูกกฎหมาย อีกทั้งยังยกเลิกภาษีผู้บริโภค 8% เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้ Bitcoin ในประเทศให้มีมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้มีบริษัทผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนต่อแถวกันเพื่อเข้ามาขอใบอนุญาตอีกทั้งยังมีสายการบิน Peach Airlines ที่ประกาศว่าจะรับ Bitcoin และจะติดตั้งตู้ ATM Bitcoin ในสนามบินหลายๆที่ของญี่ปุ่น เป็นหนึ่งในช่องทางการชำระค่าตั๋วเครื่องบิน และร้านขายอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ยักษ์ใหญ่อย่าง BIC Camera ในกรุงโตเกียวที่ประกาศรับ Bitcoin แล้วเช่นกัน โดยในอนาคตนั้นมีการประมาณไว้ว่าน่าจะมีร้านค้าราวๆ 300,000 แห่งในประเทศญี่ปุ่นที่จะเปิดรับ Bitcoin เป็นหนึ่งในช่องทางการชำระเงินอีกด้วย
รวมถึงประเทศอื่นๆอย่างเช่นอินเดียที่ประกาศให้ Bitcoin ถูกกฎหมายและกำลังหาวิธีการเก็บภาษีและประเทศรัสเซียที่กำลังเตรียมตัวแล้วเช่นกัน
รัฐบาลควรจะหันมาดูแล
ภายหลัง ดร.โกเมนยังได้แสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการที่รัฐบาลควรจะมาดูแลการใช้งานเจ้าเหรียญคริปโตตัวนี้ เนืื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มีการออกมายอมรับ จึงมีการนำ Bitcoin ไปใช้ในทางที่ผิด โดยยกเคสของเว็บ darknet อย่างเช่น AlphaBay ที่เพิ่งถูกปิดตัวลงไปก่อนหน้านี้มาเป็นตัวอย่าง แม้ว่าการจะออกมาควบคุมดูแลเรื่องความเสี่ยงทางด้านการนำไปใช้ในเชิงอาชญากรรมนั้นจะทำได้ยากก็ตาม
“ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาแล้วบอกว่า การใช้บิทคอยน์มันไม่มีการยอมรับนะครับ พอมันไม่มีการยอมรับปุ๊บเนี่ย เอาง่ายๆคือ เอ่อ ส่วนใหญ่การใช้บิทคอยน์คือเป็นการซื้อในของธุรกิจใต้ดิน พอใต้ดินปุ๊บเนี่ยคำถามก็คือว่า อ้ะ ถ้าเกิดผมจะต้องคอนโทรลธุรกิจใต้ดินเนี่ย รัฐก็ต้องดูแลว่ามันมีอะไรขายกันใต้ดินต้องเข้าไปจับทำอะไรพวกนี้…ก็มันไม่ง่ายไงฮะ”
กล่าวโดย ดร.โกเมน
แม้ว่าปัจจุบันธุรกิจใต้ดิน โดยเฉพาะใน darknet ที่มีการค้าอาวุธและยาเสพย์ติดจะเริ่มหันมาใช้ Bitcoin กันเนื่องจากว่าความสะดวกและรวดเร็วในการโอน อีกทั้งความไร้ตัวตนของผู้โอนที่ทำให้ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงจะทำให้ Bitcoin ได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการดังกล่าว
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
แต่หากลองดูดีแล้ว แม้ไม่มี Bitcoin อาชญากรรมทางด้านการเงินทั่วๆไปก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ซึ่งตัวเลือกที่พวกอาชญากรเลือกใช้เหล่านั้นก็คงไม่พ้นเงินสด ในอดีตการซื้อขายยาเสพย์ติดและอาวุธก็ใช้เงินสดเช่นกัน ดังนั้นหากจะกล่าวหาว่า Bitcoin คือต้นเหตุของอาชญากรรมดังกล่าวก็คงจะไม่ถูกต้องเสมอไป เมื่อไม่นานมานี้ทางสำนักข่าว Coin Telegraph ได้รายงานให้เห็นว่าผู้ก่อการร้ายนั้นใช้ Bitcoin เพื่อทำกิจกรรมทางด้านผิดกฎหมายน้อยกว่าเงินสดเสียอีก ดังนั้น Bitcoin ก็น่าจะเหมือนๆกับสกุลเงินทั่วๆไปที่มีตัวตนขึ้นมาแบบเป็นกลาง เพียงแค่ไม่สามารถจับต้องได้ กล่าวคือใครจะหยิบไปใช้ทำอะไรก็ได้ โดยไม่สนว่าสิ่งๆนั้นจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่สิ่งหนึ่งที่ Bitcoin ได้เปรียบมากกว่าเงินสดก็คือความโปร่งใสของมันที่มีเทคโนโลยี Blockchain มาเป็นตัวขับเคลื่อน กล่าวคือผู้ใช้งานสามารถที่จะตรวจสอบที่มาที่ไปของธุรกรรมได้ตั้งแต่อดีตยันปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่เงินสดไม่สามารถทำได้ ดั่งที่เห็นในเคสตัวอย่างของการสืบสวนและจับกุมเจ้าของเว็บ BTC-e ที่มีการสืบหาต้นตอว่าเขาได้นำ Bitcoin ที่ถูกขโมยมาจาก Mt Gox เมื่อปี 2013 ไปฟอก และโอนเข้าหาบัญชีของตัวเองอีกด้วย
ข้อดีของ Bitcoin
ดร.โกเมนยังได้ออกมากล่าวถึงข้อดีของ Bitcoin ว่าสามารถที่จะนำมาลดการใช้จ่ายในการสร้างธนบัตรและเหรียญ แม้ว่าเขาจะยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะสามารถนำมันไปใช้ได้จริง
“ข้อดีตอนนี้เนี่ยต้องบอกว่ามันทำให้ลดค่าใช้จ่ายที่เราต้องเอ่อ issue ออกมาเป็นแบงก์เป็นเหรียญ แต่ในอนาคตก็ยังไม่มีคนพิสูจน์ว่ามันจะใช้ได้จริง ใช้ได้ทุกอย่างนะครับ”
กล่าวโดยดร.โกเมน
ภายหลังเขาได้สรุปว่า Bitcoin นั้นยังมีความเสี่ยงอยู่เนื่องมาจากราคาของ Bitcoin ที่มีความผันผวนสูง ดร.โกเมนกล่าวว่า
“ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ แล้วก็ไอตัว ตัวค่าเงินมันสวิงมาก”
และยังเสริมปิดท้ายเมื่อพิธีกรรายการถามว่าจะสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้หรือไม่ เขาตอบด้วยความเห็นส่วนตัวว่า
“เอ่อเท่าที่ตอนนี้ก็คือมันมีความเสี่ยงครับ โดยส่วนตัวผมนะฮะ”
ก่อนหน้านี้คุณธันวา สงวนสิน ผู้เชี่ยวชาญทางด้าน cryptocurrency และเจ้าของกลุ่ม Bitcoin Thai Club ได้ออกมากล่าวว่า
“บิทคอยน์ เอาไปใช้ประโยชน์ในด้านเสียก็มี ด้านดีก็ได้ จะไปโทษบิทคอยน์ว่าเป็นเงินบาปอย่างเดียวก็ไม่ไช่ อยู่ที่ตัวบุคคลที่เอาไปใช้ ควรแก้ปัญหาที่ตัวบุคคลมากกว่าไปแก้ที่ตัวบิทคอยน์ต่อให้โลกนี้ไม่มีบิทคอยน์ คนไม่ดีเขาก็มีวิธีการไปใช้เครื่องมือตัวอื่นอยู่ดี”
บางทีข้อสรุปในด้านความเสี่ยงของ Bitcoin ที่แท้จริงนั้นอาจจะไม่ได้อยู่ที่ตัวของสกุลเงิน แต่อาจจะอยู่ที่ตัวผู้ใช้งานก็เป็นได้
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น