<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ถึงเวลาแล้วที่สถาบันการศึกษาควรให้ความสำคัญกับ Cryptocurrency และ Blockchain

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นเวลาเกือบ 10 ปีแล้วตั้งแต่การถือกำเนิดขึ้นของ Bitcoin และเทคโนโลยี Blockchain ตั้งแต่ปี 2009 ที่จนมาถึงในขณะนี้ ปัจจุบันหากเดินออกไปถามใครนอกบ้านก็คงจะเป็นเรื่องยากที่จะหาคนทีไม่เคยได้ยินชื่อของสองสิ่งนี้มาก่อน ความนิยมของเทคโนโลยีดังกล่าวได้แผล่ปกคลุม community ต่างๆทั่วโลก และ disrupt (ปฏิวัติวงการ) วงการหลายๆวงการมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวงการการเงิน,วงการโลจิสติก, การไปรษณีย์ และอื่นๆอีกมากมายที่นับไม่ถ้วน ซึ่งก็ต้องขอบคุณความสามารถของเทคโนโลยี Blockchain ที่ช่วยหยิบยื่นความเป็น Decentralized ที่ช่วยสร้างความโปร่งใสและความปลอดภัยให้กับการเก็บข้อมูลในทุกวันนี้

คำถามที่ตามมาก็คือเมื่อมีการปรับใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไปในวงการอุตสาหกรรมต่างๆที่กำลังมองเห็นศักยภาพของเทคโนโลยี Blockchain นี้ พวกเขาเตรียมพร้อมรับมือกับการขาดแคลนทางด้านบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในด้านนี้แล้วหรือยัง? เมื่อถามคำถามว่าเทคโนโลยี Blockchain คืออะไรกับชาวบ้านหรือคนธรรมดาทั่วๆไป พวกเขาจะสามารถตอบได้อย่างแม่นยำและคล่องแคล่วเหมือนกับถามว่า Internet คืออะไร (ซึ่งก็อาจจะประสบปัญหาเดียวกันเหมือนกับตอนที่มันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ๆ) ได้หรือไม่? และคำถามที่สำคัญที่สุดคือ มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่สถาบันการศึกษาต่างๆอย่างเช่นโรงเรียนและมหาวิทยาลัยจะต้องบรรจุหลักสูตรทางด้านเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrency เข้าไปเป็นหนึ่งในคอร์สของมหาวิทยาลัย?

มองผลประโยชน์ของผู้เรียนมาก่อน

มันอาจจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปหากเราเอ่ยชื่อเทคโนโลยีพวกนี้ขึ้นมา แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรจะจำไว้ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่ demand มีมากขึ้น supply ก็ควรจะถูกสร้างขึ้นมาให้มีความเพียงพอ

ปัจจุบันมีบริษัทและองค์กรต่างๆทั่วโลกมากมายที่เริ่มจะมีการนำเอาเทคโนโลยี Blockchain มาปรับใช้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Microsoft, IBM, Mastercard, JPMorgan Chase และอื่นๆอีกมากมาย พวกเขาเหล่านี้ก่อตั้ง Enterprise Ethereum Alliance ขึ้นมาเพื่อรองรับการปรับใช้งานเทคโนโลยี Blockchain ของ Ethereumและเพื่ออำนวยความสะดวกให้บริษัทใหม่ๆที่มีความต้องการจะนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปสร้างนวัตกรรมใหม่ๆของตนเอง

อีกทั้งยังมีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาที่มีการเปิดรับสมัครตำแหน่งฝึกงานด้านเทคโนโลยี Blockchain เพื่อเรียนรู้งานและช่วยทางรัฐบาลวิจัยและพัฒนาความเป็นไปได้ในการนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวไปประยุกต์ใช้

รวมถึงธนาคารกลางแห่งประเทศจีนที่ล่าสุดนี้มีการเปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Blockchain เพื่อต้องการให้ช่วยพัฒนาโปรเจคด้าน blockchain และ cryptocurrency สำหรับประเทศตัวเอง ฟังดูไกลตัวไปไหม?

ถ้าไกลตัวไป ลองดูในประเทศเรา เมื่อไม่นานมานี้บริษัท PlayUltimate ก็ได้มีการประกาศจ้างผู้ช่วยด้านตลาด cryptocurrency เพื่อให้มาบริหาร portfolio ของบริษัทอีกด้วย

ตัวแปรแหล่านี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสายอาชีพทางด้าน Blockchain & Cryptocurrency นั้นกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ และก็อย่างที่เราๆนั้นทราบกันดีว่าถ้ายิ่ง supply มีน้อย demand ก็จะยิ่งสูง กล่าวคือผู้ที่มีความสามารถในด้านดังกล่าวที่ยังมีค่อนข้างน้อย มักจะได้รับค่าจ้างผลตอบแทนที่สูงกว่าสายอาชีพอื่นที่ supply มีเพียงพอต่อ demand

หากอ้างอิงจาก Google Search Trends จำเห็นได้ว่ามีผู้ที่ให้ความสนใจในด้านสายงาน Blockchain ที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆในทุกๆปีหากย้อนกลับไปตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว นี่คือหลักฐานที่ช่วยแสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดี

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

คุณปรมินทร์ อินโสม หรือผู้ก่อตั้ง ZCoin เหรียญ cryptocurrency มูลค่าตลาดรวมนับ 620 ล้านบาท รวมถึงเว็บผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเหรียญ cryptocurrency ทั้งสองในไทยนาม Satang และ TDAX มีความเห็นว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยควรที่จะให้ความสำคัญกับคอร์สทั้งสองเหล่านี้ เนื่องจากว่าปัจจุบันคอร์สทางด้าน Blockchain นั้นมีความแตกต่างทางด้านโครงสร้างที่ไม่เหมือนคอร์สสายโปรแกรมคอมพิวเตอร์อื่นๆ

“blockchain เอง มันไม่ใช้ pure เหมือนพวก data structure, หรือ operation system มันรวม database, cryptography, and network เข้าด้วยกัน”

กล่าวโดยคุณปรมินทร์ให้สัมภาษณ์กับสยามบล็อกเชน

เขายังเผยให้เห็นอีกว่าถ้าหากมีนักศึกษาจบใหม่จากหลักสูตรด้าน Blockchain โดยเฉพาะที่มีความสามารถในการแก้ระบบโพรโตคอลได้และมาสมัครงานในบริษัทของเขา ก็จะมีเงินเดือนสตาร์ทให้ถึงหกหลักเลยทีเดียว

“ถ้าจบ blockchain dev มาจริงๆ ผมจ่ายที่ 100,000 ขึ้นอยู่แล้วครับ แต่ไม่ใช่ blockchain application dev น่ะครับ ผมหมายถึงพวกที่แก้ระดับ protocol […] blockchain app dev ผมให้ประมาณ 30,000 ขึ้นครับ”

คุณสกลกรย์ สระกวี หรือผู้ก่อตั้ง PlayUltimate มีความเห็นว่าปัจจุบันบุคลากรที่มีความรู้ในด้าน Blockchain & Cryptocurrency นั้นมีน้อยมาก ทางสถาบันการศึกษาควรจะบรรจุหลักสูตรนี้ลงไปเร็วๆ และผู้ที่รู้ก่อนจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางสายอาชีพและการงานได้อย่างมาก โดยเขากล่าวว่า

“เอาจริงๆ สถาบันการศึกษา ต้องเร่งหาบุคลากรที่จะสอนเกี่ยวกับ blockchain ได้แล้ว ให้เป็นวิชาเลือกนึงของ com-sci […] Blockchain มันกำลัง disrupt ระบบ finance และ ธนาคาร ของเมืองไทย ทุกวันนี้คนที่รู้เรื่องนี้น้อยมาก และคนที่จะรู้ก่อน จะเป็นบุคคลที่ตลาดต้องการในอนาคต”

[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]

สถาบันศึกษาที่เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

ปัจจุบันก็เริ่มที่จะมีสถาบันการศึกษาที่เล็งเห็นโอกาสและศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งหนึ่งในนั้นที่มีการออกมาประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้วก็คือมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในประเทศสหรัฐฯ ที่นำทีมโดยศาสตราจารย์ดอกเตอร์ Dan Boneh ซึ่งคอร์สการสอนนั้นจะควบคุมเนื้อหาเกี่ยวกับ Cryptocurrency ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Distributed Consensus, Blockchain, Smart Contract และ Application โดยจะโฟกัสไปที่รายละเอียดของ Bitcoin และ Ethereum รวมถึงกรณีศึกษาต่างๆอีกด้วย

ส่วนในประเทศไทยนั้น ล่าสุด ทางสยามบล็อกเชนก็ได้รับการติดต่อจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมเพื่อให้ไปบรรยายเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain และ cryptocurrency อีกด้วย ซึ่งตัวแปรเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกที่ดีแล้วว่าสถาบันการศึกษาในประเทศไทยเริ่มที่จะให้ความสนใจกับเทคโนโลยีนี้แล้วจริงๆ

กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น