<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“ลุงโฉลก” กูรูตลาดหุ้น-คริปโตในไทยคาดราคา Bitcoin น่าจะมีจุดต่ำสุดอยู่ประมาณ $15,000-$16,000

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin ได้ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับราคา Crypto สกุลอื่น ๆ ที่ต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน สภาพของตลาดที่ไม่น่าลงทุนและราคาของ Bitcoin ที่ร่วงลงต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นใน Crypto ขึ้น เห็นได้จากความคิดเห็นเชิงลบที่พรั่งพรูออกมาบนโลกโซเซียล

ในขณะเดียวกันฝั่งทางการของรายการ Trader KP Talk ก็ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณลุง โฉลก สัมพันธารักษ์ ผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นเซียนด้านการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ และเป็นผู้ก่อตั้งชมรม CDC Chaloke.Com เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ถึงมุมมองและอนาคตของ Bitcoin

มุมมองต่อการลงทุนในภาพรวม

สำหรับมุมมองต่อการลงทุน คุณโฉลกได้กล่าวให้ความเห็นว่า เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อข่าวการเคลื่อนไหวของสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากนัก 

โดยส่วนใหญ่คุณลุงมักจะเมุ่งน้นไปที่ข้อมูลที่เกิดจากการซื้อขาย ซึ่งไม่มีทางโกหกได้ เนื่องจากในการซื้อขายนั้น นักลงทุนจะคิดอย่างรอบคอบไม่ว่าจะซื้อหรือขาย เนื่องจากมองว่าข่าวต่าง ๆ ไม่มีความจริงใจเท่าการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งเป็นเหมือนผลสรุปของข่าวที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งเนื้อหาของข่าวยังไม่มีความหมายต่อนักลงทุนเพราะไม่ได้ก่อให้เกิดกำไร

ดังนั้น หากจะเทรดตัวใด คุณลุงโฉลกแนะนำให้ทุกคนดูราคาตัวที่เทรด เพราะแต่ละตัวมีเรื่องราวของตัวเอง

มุมมองต่อ Bitcoin

ในทัศนะของคุณลุงโฉลก มองว่าข้อดีที่เป็นจุดแข็งที่สุดของ Bitcoin คือ การไม่มีมนุษย์อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากสภาพการเงินโลกในปัจจุบันนั้น มีตระกูลใหญ่ไม่กี่ตระกูลเป็นผู้กำหนด 

ดังนั้นหากมีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจโลก บุคคลนั้นจะถูกกำจัดทิ้งไป 

ต่างจาก Bitcoin ที่ไม่มีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมสภาพเศรษฐกิจทำให้นอกจากจะไม่สามารถกำจัดได้แล้ว ยังสามารถเข้าถึงได้โดยคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทั้งยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูล เช่น การผลิต Bitcoin เพิ่มได้ หากคนทั้งโลกไม่เห็นด้วย

การที่ Bitcoin กำหนดจำนวนไว้แล้วและไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ ยังทำให้ไม่สามารถเกิดภาวะเงินเฟ้อได้ โดยคุณโฉลกมองว่า ภาวะเงินเฟ้อทำให้เงินสกุลที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันสูญเสียมูลค่าของตัวเอง และเป็นสิ่งที่ทำลายสภาพเศรษฐกิจ

Bitcoin ยังมีสถานะเป็น peer-to-peer ไม่มีใครสามารถสอดแนมหรือขัดขวางได้ และยังสามารถใช้ทำธุรกรรมได้ทั่วโลกโดยแทบจะไม่มีค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยน ทั้งยังรวดเร็วและง่ายต่อการแลกเปลี่ยน สามารถลงบัญชีทุกอย่างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงนาที ต่างจากธนาคารที่อาจจะต้องใช้เวลา 1-2 วันในการดำเนินการ

คุณลุงโฉลกยังมองว่า Bitcoin เป็นสิ่งที่ไม่มีสิ่งใดสามารถแทนที่หรือยับยั้งได้ แม้ว่ารัฐบาลต่าง ๆ จะพยายามทำลาย Bitcoin จากการที่ Bitcoin มีศักยภาพในการเข้ามาแทนที่สกุลเงินที่แต่ละประเทศกำลังใช้ในปัจจุบันได้อย่างเป็นธรรม เนื่องจาก Bitcoin ไม่สามารถผลิตเพิ่มหรือธุรจริตได้เหมือนเงินสกุลอื่น แต่ไม่สามารถทำลายลงได้ แม้จะมีความพยายามในการปิดบริษัทที่ให้บริการ Bitcoin ไปมากก็ตาม ในอนาคต Bitcoin อาจจะเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจโลกแทนเงินสกุลดอลลาร์ที่สามารถผลิตเพิ่มได้เรื่อย ๆ อีกด้วย

สุดท้ายคุณลุงโฉลกมองว่า Bitcoin ยังมีอนาคตอยู่มาก และเชื่อว่าหากผู้คนต้องเลือกระหว่างทองคำและ Bitcoin คนจะเลือก Bitcoin จากการที่ Bitcoin มีความเป็นอิสระมากกว่า

Bitcoin ตายหรือยัง ?

Bitcoin เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2011 ก่อนจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นช่วงปี 2017 Bitcoin มีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างรุนแรงหลายครั้ง ตลอดระยะเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

เป็นที่สังเกตว่า หลังจากที่ราคา Bitcoin ร่วงลดลงถึง 80% ไม่นานราคาจะเด้งกลับขึ้นมาอีกครั้ง การที่ Bitcoin ตายแล้วฟื้นกลับมาอีกครั้งจึงเป็นเรื่องปกติ และการเคลื่อนไหวขาลงของ Bitcoin ในช่วงที่ผ่านมาก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

จุดต่ำสุดของ Bitcoin รอบนี้และการขึ้นรอบหน้า

คุณลุงโฉลกได้แสดงความเห็นว่า จุดต่ำสุดของ Bitcoin ในรอบนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-16,000 ดอลลาร์ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากการขึ้นของราคาเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในขณะที่ค่าโมเมนตัมกลับไม่ขึ้น แสดงให้เห็นว่าราคา Bitcoin กำลังจะร่วง และบริษัทใหญ่ ๆ เริ่มเข้าซื้อ Bitcoin ราคาถึงจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

โดยคุณลุงโฉลกได้คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน และคาดว่าครั้งนี้ราคาจะขึ้นถึง 260.8% เมื่อเปรียบเทียบจากลักษณะการขึ้นลงของราคาในอดีต

สาเหตุที่จะทำให้ Bitcoin ราคาขึ้น?

คุณลุงโฉลกกล่าวว่าไม่มีสาเหตุ และได้ให้ความเห็นถึงความนิยมของ Bitcoin ในอนาคตด้วยว่าอาจจะเกิดจากสกุลเงินสองอย่างที่ใช้ในปัจจุบัน คือ สกุลเงินที่ถูกพิมพ์ขึ้นมา กับสกุลเงินที่อิงอยู่กับทองคำที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ทองคำมีข้อเสียคือ ไม่สามารถนำออกนอกประเทศได้ นักลงทุนต่างประเทศจึงจำเป็นต้องหันมาใช้ Bitcoin แทน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะต้องใช้เวลานานหลายปี

ดังนั้น จากความเห็นของคุณลุงโฉลก Bitcoin จะไม่ล่มสลายในเร็ว ๆ นี้ และอาจได้รับความนิยมเพิ่มในอนาคตจากภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น จากการที่สกุลเงินที่ใช้ในปัจจุบันสามารถผลิตเพิ่มได้อย่างไม่จำกัด ทำให้มูลค่าของเงินสกุลนั้น ๆ ลดลง ทั้งการยึดราคาสกุลเงินไว้กับทองคำยังไม่สะดวกจากการที่ทองคำมีน้ำหนักมาก ไม่สามารถนำออกนอกประเทศได้ และสามารถผลิตเพิ่มได้แม้จะใช้เวลานาน Bitcoin จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในระบบเศรษฐกิจโลกในอนาคต


ที่มา: ลิงก์