เดือนตุลาคมกลายมาเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดของ Crypto ในปีที่อาจจะเป็นปีที่แย่ที่สุดของอุตสาหกรรม Crypto เลยก็ว่าได้ ด้วยการที่ราคาของ Crypto หลายสกุลอยู่ท่ามกลางช่วงขาลง และจากข้อมูลที่เผยแพร่โดยบริษัทให้บริการด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชน PeckShield ล่าสุดพบว่ามีโปรเจกต์คริปโตจำนวนกว่า 53 เจ้าที่ถูกแฮกโจมตีช่องโหว่ในเดือนที่ผ่านมา
ในขณะที่เหลืออีกเพียงแค่ 2 เดือน ก่อนจะถึงหมดปี PeckShield เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เริ่มช่วงต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน เม็ดเงินจำนวนกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ได้ถูกขโมยออกจากโปรโตคอล Crypto เป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งเม็ดเงินจำนวนนั้นควรจะเป็นของนักลงทุน และตัวเลขความเสียหายได้เพิ่มขึ้นเป็น “สองเท่า” เมื่อเทียบกับตัวเลขความสูญเสียของเมื่อปีที่แล้ว
PeckShield ยืนยันว่า มีการใช้ช่องโหว่เพื่อโจมตีระบบถึง 44 ครั้ง และมี 53 โปรเจกต์ที่ได้รับผลกระทบร้ายแรง
เงินทุนกว่า 760.2 ล้านดอลลาร์ได้ถูกขโมยออกจากโปรเจกต์ Crypto ในเดือนตุลาคม และเงินมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ได้ถูกนำมาคืนโดยแฮกเกอร์หมวกขาว อีกทั้งเงินจำนวนนี้อาจจะรวมไปถึงเงิน 47 ล้านดอลลาร์ที่ถูกขโมยไป 67 ล้านดอลลาร์ในช่วงระหว่างที่แพลตฟอร์ม Defi ชื่อดังอย่าง Mango Markets ถูกแฮก
ข้อมูลในลักษณะเดียวกันได้ถูกเผยแพร่โดย Chainalysis บริษัทวิเคราะห์ บล็อกเชน ซึ่งระบุว่าในกลางเดือนตุลาคม เม็ดเงินจำนวนมากกว่า 700 ล้านดอลลาร์ได้ถูกขโมยไปด้วยการโจมตีของแฮกเกอร์คนหนึ่ง โดย Chainalysis เชื่อว่า จำนวนเงินที่ถูกแฮกในปีนี้จะสูงเกินกว่าจำนวนเงินที่เคยถูกแฮกไปในปี 2021 ซึ่งจะทำให้ปีนี้กลายเป็นปีที่เลวร้ายที่สุดของวงการ Crypto ในแง่ของการถูกแฮกและแฮกเกอร์
“การเพิ่มขึ้นของคดีที่เกี่ยวข้องกับ DeFi เป็นตัวอย่างว่า อาชญากรมักจะหาช่องโหว่จากเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างไร” Kim Grauer หัวหน้าแผนกวิจัยของ Chainalysis กล่าวกับสำนักข่าว Reuters เมื่อช่วงต้นปี “เมื่อ DeFi เริ่มเติบโตขึ้นในปีนี้ พวกเราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของโปรโตคอล DeFi ในแง่ของการฟอกเงิน เช่นเดียวกับการที่โปรโตคอล DeFi ตกเป็นเหยื่อของการถูกแฮก”
โปรเจกต์คริปโตที่ถูกแฮกในเดือนนี้รวมไปถึง Moola Market และ BSC Token Hub ของ Ethereum แพลตฟอร์มกู้ยืม DeFi ด้วย
ที่มา: International Business Times