<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“Bitkub” กางแผนจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเมื่อทุกอย่าง ‘กลับคืนสู่ภาวะปกติ’ หลังจบวิกฤต FTX

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยอย่าง Bitkub กำลังทุ่มความสนใจที่ไป ‘ฮ่องกง’ ในฐานะประเทศจุดหมายปลายทางแห่งต่อไปที่บริษัทจะจดทะเบียนเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ โดยคาดว่าอาจเป็นช่วงต้นปี 2024 ซึ่งคุณท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซีอีโอของ Bitcoin กล่าวกับสื่อข่าว Post ในระหว่างการประชุม APEC ว่า ‘อาจเป็นไปได้ว่าจะเกิดเร็วที่สุดภายในปี 2024’ 

คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Bitkub Capital Group กล่าวว่า ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์มีส่วนสำคัญในการพิจารณาเลือกฮ่องกงเป็นที่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของบริษัท  ในขณะที่หลักนิติธรรมที่ดีของศูนย์กลางการเงินเอเชียและเรื่องของสภาพคล่องที่สูงในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นเรื่องที่บริษัทนำมาใช้ประกอบพิจารณาด้วยเช่นเดียวกัน

“ผมคิดว่าจุดแข็งของเราอยู่ในภูมิภาคอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้” เขากล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่งานประชุม Asia-Pacific Economic Cooperation (Apec) summit “ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะเชื่อมต่อกับตลาดใกล้บ้าน”

สำหรับความมั่นใจของนักลงทุนทั่วโลกหลังจากการล่มสลายของ FTX ซึ่งเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งได้ยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐอเมริกา ในส่วนของ คุณจิรายุส ยังคงไม่หวั่นไหวเกี่ยวกับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัล

“มีบริษัท CEX บางแห่งที่จัดการกองทุนของลูกค้าผิดพลาดหรือบางแห่งที่มีการบริหารจัดการได้แย่มาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคริปโตเคอเรนซีไม่ดี ถูกต้องไหมครับ” เขากล่าว

“จริง ๆ แล้ว Cryptocurrency เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่ามาก และลูกค้าจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาเสมอ”

ทั้งนี้ทางคุณจิรายุส เองก็ได้เรียกร้องให้ฮ่องกงเร่งปฏิรูปกฎระเบียบสำหรับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล หากมุ่งหวังที่จะแสวงหาบริษัทเช่นเดียวกับ Bitkub และต้องการขยายธุรกิจในเมือง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยกตัวอย่างธุรกิจใดที่เฉพาะเจาะจงก็ตาม

“ฮ่องกงเป็นผู้นำในด้านการเงินมาโดยตลอด แต่เพื่อให้โมเมนตัมดำเนินต่อไปในฐานะผู้นำ พวกคุณควรมีกฎระเบียบที่เปิดกว้างมากขึ้นและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้น” เขากล่าว

Bitkub เป็นบริษัทกระดานแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ กล่าวว่ามีวอลุ่มเทรดร้อยละ 90 ของการทำธุรกรรมเงินเสมือนจริงในประเทศ โดยมีวอลุ่มการซื้อขายสูงถึง 2.3 หมื่นล้านบาท (642 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อวัน

ทั้งนี้บริษัทเกือบจะกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพยูนิคอร์นแห่งแรกของประเทศไทย โดยมีมูลค่าถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ทว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ประกาศเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมว่า ได้ล้มเลิกแผนการที่จะซื้อหุ้นร้อยละ 51 ของบริษัท ท่ามกลางปัญหาด้านกฎระเบียบกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ตามในขณะเดียวกัน คุณท็อป จิรายุส ก็ได้เตือนถึงสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อและวิกฤตทางเศรษฐกิจทั่วโลก พร้อมเน้นย้ำว่า การจดทะเบียน Exchange สาธารณะสู่สายตาทั่วโลกนั้นยังไม่ใช่เป้าหมายหลักของ Bitkub สำหรับตอนนี้ โดย Bitkub มองปีหน้าจะเป็น “ช่วงฤดูหนาว” สำหรับทุกภาคส่วน แต่บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การรวมผลผลิต ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

คุณจิรายุส กล่าวว่า “ปี 2024 เป็นปีที่เราหวังว่าจะสามารถเผยแพร่สู่สาธารณะได้เมื่อสิ่งต่างๆ กลับมาเป็นปกติ” โดยเน้นย้ำว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ”

เมื่อเปรียบเทียบกับสิงคโปร์ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นคู่แข่งคนสำคัญ  คุณจิรายุสก็กล่าวว่า ฮ่องกงมีสภาพคล่องสูงกว่า ซึ่งหมายความว่า การแปลงสินทรัพย์เป็นเงินสดสามารถทำได้ง่ายกว่า

ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมีบริษัทจดที่ทะเบียนเกือบ 40 แห่งจากประเทศไทย

คุณท็อป จิรายุส คาดการณ์ว่า ด้วยสองประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ จีนและสหรัฐอเมริกา โดยแบ่งประเด็นระดับโลกจากการค้าไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งรุนแรงกว่านั้นเป็นประเด็นที่เกิดจากสงครามรัสเซียต่อยูเครน ที่จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของบริษัทต่างๆ ในการจดทะเบียนด้วย

คุณท็อป จิรายุส กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่าบริษัทต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะชอบฮ่องกงมากกว่า ในขณะที่บริษัทตะวันตกมีแนวโน้มที่จะมุ่งหน้าไปที่นิวยอร์ก

เมื่อถามว่าการที่ Bitkub ติดต่อกับหน่วยงานกำกับดูแลของไทยอาจส่งผลเสียต่อโอกาสที่บริษัทจะเข้าจดทะเบียนในฮ่องกงในสักวันหนึ่งหรือไม่ ทางคุณจิรายุส ก็ได้กล่าวปกป้องธุรกิจของเขาว่า

“เห็นได้ชัดว่า ผมคิดว่าเมื่อเราเปิดเผยต่อสาธารณะ เราจะต้องดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะอย่างเหมาะสมว่าเราโปร่งใสอย่างเต็มที่ ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร” เขากล่าว

ที่มา : scmp