เป็นเวลากว่า 12 ปีแล้วที่ Satoshi Nakamoto ได้ลงชื่อเข้าใช้ฟอรัม bitcointalk.org เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนบอกลาชุมชน Bitcoin และหายตัวไปตลอดกาล
ดูเหมือนว่า Satoshi Nakamoto จะไม่ต้องการมีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็น ‘ผู้สร้างสินทรัพย์เข้ารหัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก’ และพยายามมุ่งเน้นไปยังการพัฒนาโครงการโอเพ่นซอร์สมากกว่าสร้างชื่อเสียงให้ตนเอง ทั้งยังเลือกที่จะให้เครดิตแก่ผู้ร่วมพัฒนาแทน นับเป็นอีกหนึ่งบุคคลิกภาพที่หลายคนในชุมชนคริปโตที่ต่างสรรเสริญมาจนถึงวันนี้
เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ตัวตนของ Satoshi Nakamoto ยังคงเป็นปริศนา และถือเป็นเรื่องน่าสนใจที่ตัวของผู้สร้าง Bitcoin มีส่วนร่วมอย่างมากในชุมชนมาตั้งแต่ปี 2008 – 2010 และได้ฝากข้อความสุดท้ายถึงชุมชนไว้ว่า เขาได้เพิ่ม thread บน bitcointalk.org ที่เรียกว่า ‘การเพิ่มขีดจำกัดบางส่วนของ DoS และลบโหมดปลอดภัย’ ทั้งยังกล่าวเน้นย้ำด้วยว่า ‘เขายังมีงานต้องทำอีกมาก’
ในช่วงขณะนั้นที่ Bitcoin มีราคาซื้อขายอยู่ที่เพียง 0.20 ดอลลาร์ และเครือข่ายก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตี DoS ได้เลย Nakamoto ค่อนข้างแสดงออกถึงความกระตือรือร้นในฟอรัม แต่ไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เขาได้แสดงความไม่พอใจที่ Wikileaks ใช้ประโยชน์จากการบริจาค Bitcoin เพราะเครือข่ายของเขายังมีขนาดเล็กมาก โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังการปิดล้อมทางการเงินของสหรัฐฯ
การล่มสลายทางการเงินในปี 2008 ก่อให้เกิดความช่วยเหลือจากธนาคารและการกำกับดูแลที่มีความเข้มงวดสูง โดยสิ่งนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลและสถาบันการเงินอ่อนแอลง ซึ่งต่อมา Bitcoin ก็กลายเป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยเยียวยาวิกฤตระดับโลกในครั้งนั้น
ปี 2022 เป็นปีที่ค่อนข้างวุ่นวาย ผันผวน และนับว่าเป็นปีที่มีความโหดร้ายทางการเงิน มีบริษัทล้มละลายจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการล่มสลายของระบบนิเวศ Terra ที่ทำให้ตลาดสูญเสียสินทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และต่อมาคือการล้มละลายครั้งใหญ่ของ FTX แต่ทว่าการยอมรับใน Bitcoin รวมไปถึงเหรียญ Crypto อื่น ๆ ก็ได้เติบโตขึ้นมากกว่า 800% ในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ Bitcoin ถูกนำมาใช้เป็นสกุลเงินตามกฎหมายในเอลซัลวาดอร์และสาธารณรัฐอัฟริกากลาง (CAR) แล้ว อีกทั้งยังมีการคาดการณ์อีกมากมายด้วยว่าประเทศอื่น ๆ มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตาม
การจากไปของ Satoshi Nakamoto ทำให้เขากลายเป็นตำนาน เพราะจุดยืนของเขาไม่ได้ทำไปเพื่อชื่อเสียงหรือความมั่งคั่ง หรือเงินทอง แต่สิ่งที่ Nakamoto ทำมาทั้งหมดก็คือ การทำเพื่อเป้าหมายเดียวของเขา นั่นคือการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับพวกเราทุกคน
ที่มา: cryptopotato