พายุหิมะที่เกิดขึ้นยังคงส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกา และสิ่งนี้ยังส่งผลอย่างมากต่อนักขุด Bitcoin ทำให้นักขุดหลายคนจำเป็นที่จะต้องหยุดการขุดลง
บ้านเรือนและธุรกิจหลายพันแห่งทั่วประเทศไม่มีไฟฟ้าใช้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางผลกระทบจาก Arctic blast และพายุฤดูหนาวทำให้สายไฟฟ้าขาดและหิมะตกหนักและอุณหภูมิลดลงต่ำจนเป็นอันตราย และทาง CNN รายงานว่าพายุฤดูหนาวในครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย
ความแปรปรวนของสภาพอากาศทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเครือข่าย Bitcoin โดยเฉพาะอัตราการขุดหรือ Hashrate ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกถึงพลังานในการประมวลผลการทำธุรกรรม โดยข้อมูลจาก CoinMetrics ระบุว่าตั้งแต่วันเสาร์ทีผ่านมา Hashrate ของ Bitcoin ได้ลดลงไปมากกว่า 30% โดยลดลงจาก 530 EH/s เหลือเพียง 230 EH/s โดยสิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากนักขุดรายใหญ่หลายรายหยุดดำเนินการขุดชั่วคราวหลังจากทาง National Weather Service เตือนถึง Arctic blast ที่กำลังจะเกิดขึ้น
บริษัทเหมืองแร่ Riot Blockchain กล่าวว่ากำลังจะปิดโรงงาน Rockdale ที่ตั้งอยู่ในเมืองเท็กซัสเนื่องจากต้องเจอกับสภาพอากาศที่รุนแรง และนอกจากบริษัทนี้แล้ว บริษัทอื่น ๆ ที่เกิดข้องกับการขุดคริปโตก็กำลังเจอกับปัญหาเดียวกัน
บริษัท Core Scientific ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองขุด Bitcoin ที่พึ่งยื่นล้มละลายไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ออกมาทวีตว่า “เรามีส่วนร่วมในการลดกำลังไฟฟ้าหลายครั้งเพื่อช่วยให้กริตไฟฟ้ามีเสถียรภาพ และคาดว่าการขุด Bitcoin ช่วงนี้จะลดลง”
นอกจากนี้นาย Neil Galloway ผู้อำนวยการฝ่ายการขุดของบริษัท Compass Mining ได้ทวีตว่า “โปรดเตรียมพร้อมช่วงสุดสัปดาห์นี้ในตอนนี้ ทางเรากำลังหาทางรับมือกับพายุฤดูหนาว”
และได้เสริมว่า “เนื่องจากหยุดการขุดลง ทำให้ผู้คนสามารรถใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ โรงพยาบาลสามารถดูแลผู้ป่วยได้ และคุณสามารถภูมิใจได้ว่าคุณเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กริตไฟฟ้าเกิดความสมดุล”
เหตุการณ์ความแปรปรวนของสภาพอากาศได้สร้างความท้าทายให้กับนักขุด Bitcoin และปัญหาของระบบไฟฟ้าที่ยืดเยื้อจะทำให้นักขุดมีรายได้ที่ลดลง โดยสหรัฐอเมริกาเป็นที่ที่มีอัตรา Hashrate กระจุกอยู่มากที่สุดในโลก โดยข้อมูลจาก Cambridge Centre for Alternative Finance พบว่าในสหรัฐฯ มี Hashrate อยู่เฉลี่ย 37.84% ของระบบ
Source: The Block