<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO Coinbase กล่าวว่า “ยินดีขึ้นศาล” หาก SEC ยังพยายามจัดประเภทให้การ Staking เป็น ‘หลักทรัพย์’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

CEO เว็บเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ  “Coinbase” กำลังยืนหยัดต่อสู้เพื่อให้บริการด้าน stake ยังคงดำเนินต่อไปบนแพลตฟอร์ม  พร้อมทั้งขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลในสหรัฐอเมริกา หาก SEC มีท่าทีต่อสู้

Brian Armstrong CEO ของ Coinbase โพสต์บน Twitter ว่าบริษัทจะ “ปกป้องสิ่งนี้ในศาล หากว่าจำเป็น” ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก Kraken แพลตฟอร์มการเทรดคริปโตยอดนิยมเพิ่งถูกลงดาบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ซึ่งสั่งเว็บเทรดต้องหยุดให้บริการโปรแกรมการ staking แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ

จากข้อมูลของสำนักงาน ก.ล.ต. แพลตฟอร์ม Kraken ล้มเหลวในการ “ลงทะเบียนหลักทรัพย์และการเสนอขายโปรแกรม stake-as-a-service ของพวกเขา”  นอกจากการหยุดให้บริการแล้ว Kraken ยังตกลงที่จะจ่ายเงินค่าปรับเป็นจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมค่าดอกเบี้ยจากคำพิพากษา และค่าปรับทางแพ่งอื่น ๆ 

Paul Grewal หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Coinbase ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ในบล็อกโพสต์ โดยอ้างว่า “การ staking ไม่ใช่หลักทรัพย์ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ หรือภายใต้การทดสอบทฤษฎีของ Howey” นอกจากนั้น Grewal  ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า:

“การพยายามยัดเยียดกฎหมายหลักทรัพย์เข้าสู่ระบบ stake ไม่ได้เป็นการช่วยผู้บริโภคเลย แต่เป็นการบังคับใช้กฏหมายโดยไม่จำเป็น ซึ่งสิ่งนี้จะกีดกันไม่ให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เข้าถึงบริการ crypto ขั้นพื้นฐาน และผลักดันผู้ใช้ไปยังแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม”

Grewal ให้เหตุผลว่าการ staking ไม่เป็นไปตามองค์ประกอบทั้ง 4 ของการทดสอบทฤษฎี Howey : การลงทุนด้วยเงิน กิจการทั่วไป ความคาดหวังผลกำไรที่สมเหตุสมผล และความพยายามของผู้อื่น “การทดสอบ Howey มาจากคดีในศาลฎีกาในปี 1946 – และมีการอภิปรายแบบแยกต่างหากด้วยว่า การทดสอบนั้นไม่เหมาะสมกับสินทรัพย์สมัยใหม่เช่น crypto” เขากล่าว

“วัตถุประสงค์ของกฎหมายหลักทรัพย์คือ การแก้ไขความไม่สมดุลของข้อมูล แต่ไม่มีความไม่สมดุลของข้อมูลในการ staking เนื่องจากผู้เข้าร่วมทั้งหมดเชื่อมต่อกับบล็อกเชนและสามารถตรวจสอบธุรกรรมผ่านชุมชนผู้ใช้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้อย่างเท่าเทียม ” 

“เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสหรัฐฯ และการ staking ถือเป็นแง่มุมที่ปลอดภัยและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเทคโนโลยีดังกล่าว […] แต่การควบคุมโดยการบังคับใช้ที่ไม่ได้ช่วยอะไรผู้บริโภคนั่นไม่ใช่คำตอบ”

ที่มา : cointelegraph