ปริมาณกำลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่าย Bitcoin หรือ Hashrate ได้พุ่งสูงถึง 300.98 EH/s ในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากราคาของ Bitcoin ได้ดีดทะลุ 22,000 ดอลลาร์ และนักลงขุดมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ลดลง
ข้อมูลจาก Luxor Technologies ระบว่า อัตรา Hashrate ที่เพิ่มขึ้นถึง 100 EH/s ใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งพึ่งขึ้นเร็วเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับตอนที่ Hashrate เพิ่มขึ้นจาก 100 EH/s เป็น 200 EH/s
นาย Wolfie Zhao หัวหน้าแผนกวิจัยของบริษัท TheMinerMag กล่าวว่า
“นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าอุตสาหกรรมนี้แข็งแกร่งขนาดไหน”
ตั้งแต่ปลายปี 2021 บริษัทขุดคริปโตได้กู้ยืมเงินจำนวนมากเพื่อเพิ่มกำลังการขุด และสิ่งนี้ทำให้เกิดเหมืองใหม่ ๆ มากขึ้น และ Hashrate ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการทำเหมืองก็เผชิญกับปัญหาเนื่องจากความแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และหลังจากนั้นก็เกิดการภาวะตลาดขาลง ซึ่งส่งผลให้บริษัทเหมืองขุดยักษ์ใหญ่หลายแห่งต้องยื่นล้มละลาย
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมเหมืองขุดคริปโตได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งพร้อมกับราคาของ Bitcoin โดย Hashprice ซึ่งเป็นตัววัดกำไรที่ได้จากการขุดได้เด้งกลับมามากกว่า 70 USD/PH/Day หลังจากที่เคยร่วงลงไปต่ำกว่า 60 USD/PH/Day ในช่วงสิ้นปี 2022
ด้วยอัตราค่าไฟฟ้าที่ราคา 0.06 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.06 บาท) ต่อ kWh ทำให้อุปกรณ์ที่มีกำลังขุด 50 J/TH สามารถกลับมาทำกำไรได้ ในขณะที่อุปกรณ์ที่มีกำลัง 40 J/TH ยังไม่สามารถกลับมาทำกำไรได้
นักวิเคราะห์จาก investment bank B. Riley ได้เขียนไว้ในบันทึกถึงนักลงทุนเมื่อวันที่ 31 มกราคมว่า การเสื่อมสภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมการขุดจะทำให้อัตราการเติบโตของ Hashrate ลดลงในปีหน้า
นาย Jaran Mellerud นักวิเคราะห์จากบริษัท Luxor Technologies กล่าวว่า
“ในขณะที่อัตรา Hashrate เพิ่มขึ้นจาก 200 เป็น 300 EH/s ใช้เวลาน้อยกว่า 1 ปี แต่เราอาจจะต้องรอนานกว่านั้นหากมันจะขึ้นไปถึง 400 EH/s ผมมั่นใจว่าเราจะจบปี 2023 ด้วย Hashrate ที่ต่ำกว่า 350 EH/s เนื่องจากอุตสาหกรรมการขุดที่แย่ลงในปี 2022 ”
นาย Chris Brendler นักวิเคราะห์จากบริษัท D.A. Davidson กล่าวว่าเติบโตของ Hashrate จะเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ เนื่องจากราคาก๊าชธรรมชาติได้ลดลงในช่วงเร็ว ๆ นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Hashrate จะสูงถึง 363 EH/s ภายในสิ้นปี 2023
Source: Coindesk