ในขณะที่อุตสาหกรรม Crypto ในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันด้านกฎระเบียบใหม่ รัฐบาลอื่น ๆ เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของเทคโนโลยีพื้นฐาน รวมถึงฮ่องกงซึ่งเพิ่งประกาศขายโทเคนตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (tokenized green bond) ชุดแรกของโลกสำเร็จเมื่อไม่นานมานี้
รัฐบาลฮ่องกงระบุว่าประสบความสำเร็จในการขายโทเคนตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมูลค่า 800 ล้นาดอลลาร์ฮ่องกงหรือมูลค่าประมาณ 102 ล้านดอลลาร์ด้วยอัตราผลตอบแทนที่ 4.05% โดยเป็นโทเคนตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวแรกของโลกที่ออกโดยรัฐบาลตามประกาศเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์
“ในฐานะโทเคน Green Bond ตัวแรกที่อยู่ภายใต้กฎหมายของฮ่องกง การเสนอขายดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและข้อบังคับของฮ่องกงมีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อรูปแบบการออกตราสารหนี้ที่เป็นนวัตกรรมใหม่”
ทั้งนี้ตราสารหนี้ดังกล่าวใช้ประโยชน์จาก GS DAP ซึ่งเป็น แพลตฟอร์มโทเคนบล็อกเชนที่ดำเนินการโดย Goldman Sachs (NYSE: GS ) ซึ่งเป็นตัวแทนของความพยายามจากธนาคารยักษ์ใหญ่ในการสนับสนุนตลาดทุนให้เป็นดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพในการออกตราสารหนี้
เหตุการณ์สำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัลของฮ่องกง
ตามที่รัฐบาลกล่าวไว้ รายได้จากการขายนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหรือรีไฟแนนซ์โครงการที่จะให้ประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการพัฒนาฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางการเงินที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Paul Chan เลขานุการฝ่ายการเงินของฮ่องกงให้ความเห็นเกี่ยวกับการพัฒนา โดยมุ่งเน้นที่เป้าหมายของเขตแดนในการส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์นโยบายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกในเดือนตุลาคม 2022
“ความสำเร็จในการออกโทเคน Green Bond นี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงจุดแข็งของฮ่องกงในการรวมตลาดตราสารหนี้ การเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการเงินที่ยั่งยืน รวมถึง FinTech”
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบก่อนก็คือฮ่องกงยินดีต้อนรับการซื้อขาย Crypto ซึ่งอนุญาตให้มีการซื้อขาย Bitcoin และ Ethereum หลังจากการเปิดตัว Interactive Brokers ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ระดับโลกที่มีมูลค่า 3.4 แสนล้านดอลลาร์ตามรายงานเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2023
สหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับการตรวจสอบครั้งใหญ่
อุตสาหกรรม Crypto ในสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญหน้ากับการตรวจสอบข้อเท็จริงครั้งใหญ่เกี่ยวกับการ Staking และกระดานเทรดคริปโต Kraken ซึ่งปัจจุบันปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยในสหรัฐฯ โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(ก.ล.ต.)
อย่างไรก็ตาม Brian Armstrong CEO ของ Coinbase ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแรงกดดันที่ได้รับโดยกล่าวว่า “สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางทางการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว หากไม่มีการควบคุมที่ชัดเชนกับอุตสาหกรรมคริปโต และสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรจากหน่วยงานกำกับดูแล”