<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ข้อมูลเผยรัฐบาลสหรัฐฯ ถือ Bitcoin อยู่จำนวน 205,515 BTC หรือ 1% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin อยู่ที่จำนวน 205,515 BTC ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือเป็น 1% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด โดย Bitcoin เหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมาจากคดีความจำนวน 3 คดีด้วยกัน ดังนั้นทางสยามบล็อกเชนจึงจะมาพาทุกคนไปดูพร้อมกันว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยึด Bitcoin มาจากคดีไหนบ้าง

คดีแรก: อาชญากรรม Silk Road

ในปี 2013 รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด Bitcoin จำนวนมากจาก Silk Road ซึ่งเป็นตลาดมืดออนไลน์ที่ใช้สำหรับการซื้อขายยาเสพติด อาวุธ และสินค้าหรือบริการผิดกฎหมายอื่น ๆ โดยการบุกยึด Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้ Silk Road ต้องปิดกิจการลง และผู้ก่อตั้งอย่าง Ross Ulbricht ก็ได้ถูกจับกุมตัวในที่สุด

ในครั้งนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด Bitcoin ได้ประมาณ 144,000 BTC (มีมูลค่าประมาณ 33.6 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น) โดย Bitcoin ทั้งหมดถูกยึดจากบัญชีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Silk Road รวมถึงบัญชีส่วนตัวของ Ulbricht และบัญชี escrow ของไซต์ โดยรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างเหตุผลว่า Bitcoin เหล่านั้นถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายบน Silk Road ดังนั้นสินทรัพย์ดังกล่าวจึงต้องถูกยึด

การยึด Bitcoin ดำเนินการโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่าการริบทรัพย์สินทางแพ่ง ซึ่งช่วยให้รัฐบาลสามารถยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญา แม้ว่าเจ้าของทรัพย์สินจะไม่ได้ถูกตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมก็ตาม โดยในกรณีของ Silk Road รัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่าพวกเขายึด Bitcoin เนื่องจากมันเป็นรายได้จากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย

Bitcoin ที่ยึดได้ภายหลังถูกนำมาเปิดประมูลโดย US Marshals Service หลายรอบ โดยรอบสุดท้ายคือ การเปิดประมูลต่อสาธารณะในปี 2018 และ Bitcoin เหล่านั้นก็ถูกขายให้กับผู้เสนอราคาประมูลสูงสุด ซึ่งเงินที่ได้จากการประมูลถูกฝากเข้ากองทุนริบทรัพย์สินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

คดีที่สอง: คู่สามีภรรยาแฮ็กเว็บเทรด Bitfinex เพื่อนำ Bitcoin มาฟอกเงิน

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2022 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้ประกาศยึด Bitcoin จำนวน 94,636 BTC รวมมูลค่ากว่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับคดีการแฮ็กเว็บเทรด Bitfinex ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 2016

ในคดีนี้ มีบุคคลสองคนที่ถูกจับกุมคือ Ilya Lichtenstein และภรรยาของเขาที่มีชื่อว่า Heather Morgan โดยทั้งสองคนถูกตั้งข้อหา “สมรู้ร่วมคิดในการฟอกเงิน” ทั้งนี้เอกสารของศาลเปิดเผยว่า Lichtenstein และภรรยาทำการฟอกเงินจำนวน 119,754 BTC ที่ได้มาจากการแฮ็กเว็บเทรด Bitfinex

เอกสารของศาลระบุว่า คู่สามีภรรยาฟอกเงินด้วยการใช้เทคนิคที่ซับซ้อนมากมาย รวมถึงการสร้างข้อมูลประจำตัวที่สมมติขึ้น โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อทำธุรกรรมอัตโนมัติ การฝากเงินที่ถูกขโมยเข้าบัญชีที่เว็บเทรดสกุลเงินดิจิทัลและเว็บตลาดมืดต่าง ๆ และใช้ประโยชน์จากการฟอกเงินด้วยวิธี  ‘chain hopping’ ผ่าน “สกุลเงินเสมือนที่ไม่เป็นที่รู้จักอย่าง (AEC)”

คดีที่สาม: ชายผู้ขโมย Bitcoin จาก Silk Road

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2022 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้ประกาศว่า James Zhong สารภาพว่ากระทำการฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ตในเดือนกันยายน 2012 เพื่อขโมย Bitcoin จำนวนกว่า 50,000 BTC จากตลาด Silk Road อย่างผิดกฎหมาย

ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายน 2021 DOJ เคยประกาศว่าได้ยึด 50,676.17851897 BTC จากบ้านในจอร์เจียของ Zhong รวมเป็นมูลค่ากว่า 3.36 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม Zhong ยังคงมี Bitcoin อีกประมาณ 3,500 BTC ที่ได้รับมาจากการนำ 50,000 Bitcoin cash (BCH) มาแปลงเป็น Bitcoin โดย Bitcoin cash เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาได้รับหลังจากการ hard fork bitcoin blockchain ในเดือนสิงหาคม 2017 ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ จึงพยายามหาทางยึด Bitcoin ประมาณ 51,680.32473733 BTC จากเขา

ข้อมูลด้านล่างเป็นจำนวนการถือครอง BTC ของรัฐบาลสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับเจ้ามือ Bitcoin รายอื่น ๆ

ที่มา: reddit