<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

พารู้จัก ‘ชุนซากุ ซากามิ’ เศรษฐีหนุ่มผู้นำ AI มาสร้างธุรกิจช่วยเหลือ ‘บริษัทไร้ผู้สืบทอด’

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ประเทศญี่ปุ่นในทุกวันนี้ ถือได้ว่าเป็นประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาสังคมสูงวัย ซึ่งเจ้าของธุรกิจต่าง ๆ ก็มักจะเป็นผู้ที่กำลังมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ธุรกิจของพวกเขาก็มีอายุมากขึ้นเช่นกัน แต่เมื่อเจ้าของธุรกิจเหล่านี้เกษียณอายุ พวกเขามักประสบปัญหาในการหาคนมาดูแลธุรกิจของตน ซึ่งหมายความว่าธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวลง

เจ้าของธุรกิจหลายแห่งที่ทุ่มเทให้กับบริษัทของตนมาทั้งชีวิตต้องจำใจจบทุกสิ่งด้วยมือของตนเอง ดังนั้นเรื่องราวดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องน่าเศร้าเรื่องหนึ่งในแวดวงธุรกิจของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ทว่าชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีอายุเพียง 32 ปี ได้พยายามนำ AI เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว จนในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ

ชุนซากุ ซากามิ (Shunsaku Sagami) มองเห็นปัญหานี้เมื่อครั้งที่คุณปู่ของเขาต้องปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ทุ่มเทสร้างมากับมือ เพราะคุณปู่ของ Sagami ไม่สามารถหาผู้สืบทอดได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ทำให้ Sagami รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่เห็นใบอนุญาตของคุณปู่ถูกรื้อลงมาจากกำแพงและถูกโยนทิ้งไป

Sagami คิดว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นต้องมาเสียใจเพราะปัญหานี้อีก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทชื่อ M&A Research Institute ในปี 2018 โดยบริษัทนี้จะใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อจับคู่เจ้าของธุรกิจกับผู้ที่ต้องการครอบครองธุรกิจของตน

AI เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่สามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นความช่วยเหลือของ AI จึงทำให้สถาบันวิจัย M&A สามารถค้นหาคู่เจ้าของธุรกิจและผู้สืบทอดที่เหมาะสมได้เร็วมาก เพราะโดยปกติกระบวนการนี้จะใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี แต่บริษัทของ Sagami สามารถทำได้ภายในเวลาเพียงแค่ 6 เดือน

นับตั้งแต่ M&A Research Institute เริ่มช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจที่ไร้ผู้สืบทอด และบริษัท M&A ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก อีกทั้งหุ้นของบริษัทยังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นมากอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าในขณะนี้บริษัท M&A ถือเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าสูงมากในขณะนี้

เนื่องจาก Sagami เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท M&A ดังนั้นเขาจึงกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมาก โดยในปัจจุบัน Sagami กลายเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินในครอบครองรวมมูลค่ากว่า 950 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ บริษัทของ Sagami จะไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ จนกว่าธุรกรรมหรือกระบวนการซื้อหรือขายธุรกิจจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่า Sagami และบริษัท M&A ของเขาจะได้รับเงินก็ต่อเมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จในการหาเจ้าของคนใหม่สำหรับธุรกิจนั้น ๆ แล้วเท่านั้น

ทว่าความสำเร็จของ Sagami ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น เพราะเขาคือผู้ที่กำลังมอบความช่วยเหลือแก่เจ้าของธุรกิจจำนวนมากที่มีอายุมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถหาผู้สืบทอดและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ดังนั้น Sagami และบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของเขา จึงถือเป็นผู้ที่ช่วยให้ธุรกิจกว่า 60 แห่งได้พบเจ้าของใหม่ และยังคงเปิดกิจการอยู่จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าของธุรกิจจำนวนมากในญี่ปุ่นไม่ต้องกังวลว่าธุรกิจจะปิดตัวลงเมื่อพวกเขาเกษียณอายุ

ปัจจุบัน M&A Research Institute ประสบความสำเร็จอย่างมากในภารกิจช่วยเหลือเจ้าของธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจขนาดเล็ก โดยข้อมูลจากสื่อข่าว Business Insider ระบุว่า บริษัท M&A สามารถทำรายได้สูงถึง 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปีด้วยความช่วยเหลือของ AI

Sagami ถือเป็นนักธุรกิจคนหนึ่งที่มีพรสวรรค์ เพราะก่อนที่เขาจะเริ่มก่อตั้งบริษัทนี้ Sagami เป็นเจ้าของธุรกิจอื่น ๆ อีกหลายแห่งที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน โดยสำหรับบริษัท M&A นั้น Sagami กล่าวว่าเขาก่อตั้งขึ้นเพราะเห็นว่ากระบวนการซื้อ – ขายธุรกิจไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นเขาจึงต้องการใช้ความรู้และทักษะด้าน AI เพื่อทำให้ประเด็นนี้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ที่มา: businessinsider