<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ไร้สัญญาณฟื้นตัว ! ตลาด NFT วูบหนัก ติดลบ 57% แม้ราคา Bitcoin จะพุ่งทะลุ $35,000

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

สำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของตลาด NFT โดย นานเซน (Nansen) บริษัทข้อมูลบล็อกเชน ระบุว่า มูลค่าตลาดของ NFT อยู่ที่ 24.3 ล้านบาท ลดลง 97.5% จากระดับสูงสุดที่ 1 พันล้านบาท เมื่อเดือน ก.พ.2564 ขณะนี้มี NFT หมุนเวียนอยู่ในระบบทั้งหมด 36.9 ล้าน NFT ซึ่งยกตัวอย่างราคาคอลเลกชัน NFT ยอดนิยมอย่าง CryptoPunks ราคาปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ มาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 46.8 อีเธอเรียม หรือประมาณ 2.99 ล้านบาท (ตามราคา อีเธอเรียมมีมูลค่า 6.4 หมื่นบาท) ลดลง 59% จากจุดสูงสุดเมื่อ 9 ต.ค.2564 ที่ระดับ 113 อีเธอเรียม หรือประมาณ 15.8 ล้านบาท (ตามราคา อีเธอเรียมมีมูลค่า 1.4 แสนบาท)

รวมทั้งดัชนี Nansen NFT-500 ซึ่งเป็นดัชนีราคาสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท NFT 500 อันดับแรก พบว่าตั้งแต่ต้นปี ตลาด NFT ให้ผลตอบแทนติดลบ  57% และดัชนียังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 308 จุด ลดลง 82.8% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ 1,800 จุด เมื่อเดือนก.พ. 2564 และมีจำนวนผู้ใช้งานลดลง โดยในวันที่ 24.ต.ค.มีผู้ซื้อทั้งหมด 7,200 บัญชี และมีผู้ซื้อครั้งแรก 920 บัญชี ถือเป็นตัวเลขลดลงต่ำสุดทุกปี

รวมทั้งปริมาณการซื้อขายโดยรวมถึงจุดต่ำสุดในรอบปีที่ 2.9 หมื่นเหรียญอีเธอเรียม หรือต่ำกว่า 50 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2566 ก่อนที่ปริมาณการซื้อขายเริ่มฟื้นตัวตามสถานการณ์ตลาดคริปโทฯที่ปรับตัวขึ้น โดยสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 ต.ค. มีปริมาณการซื้อขาย NFT มูลค่า 47,369 เหรียญอีเธอเรียม หรือเป็นมูลค่ากว่า 85 ล้านดอลลาร์

“ภาสกร ปานนอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ บล็อคเชน เทคโนโลยี จำกัด หรือ บิทคับเชน เปิดเผยกับทางกรุงเทพธุรกิจว่า ตลาด NFT “ซบเซา” รวมถึง Bitkub NFTด้วย ซึ่งได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมคริปโทฯ เนื่องจากมีผู้ใช้งานน้อยลง ซึ่งบิทคับเชนเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ NFT Marketplace ที่มีชื่อว่า  Bitkub NFT แพลตฟอร์มศูนย์รวม NFT ในรูปแบบของตลาดแรก (Primary Market) ที่ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนหรือซื้อขาย NFT (Non-Fungible Token) ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี หรือโทเคนดิจิทัลได้ ภายใต้บริษัทบิทคับ ที่ในปัจจุบันนับว่าเป็นตลาด NFT ที่มีการใช้งานแพร่หลายมากที่สุดในประเทศไทย

ท่ามกลางตลาดคริปโทฯขาลง ทำให้บิทคับใช้โอกาสนี้ในการพัฒนา ขยายแพลตฟอร์มและขับเคลื่อนบิทคับเชนให้มีศักยภาพ เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันรูปแบบการใช้งาน NFT จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นการเก็งกำไร ไปสู่รูปแบบของชิ้นงานศิลปะสะสมบนบล็อกเชน รวมไปถึงการนำมาใช้ในโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่มากขึ้น ในรูปแบบ ดิจิทัล โปรดักซ์ (Digital Product)เพื่อสร้างโรยัลตี้แบรนด์ เช่นกับบริษัทในต่างประเทศที่เริ่มนำเอา NFTมาใช้เป็นสิ่งจูงใจในการทำการตลาด

ขณะเดียวกันบิทคับพยายามกระตุ้นตลาด Bitkub NFT ให้มีความเคลื่อนไหวอยู่เสมอเพื่อผลักดันในตลาด NFT ใหม่ๆ มากขึ้น เช่น การสร้างโปรเจกต์ NFT ร่วมกับศิลปินต่างๆ และพัฒนาให้ผู้ที่ต้องการสร้าง NFT สามารถสร้าง NFT เข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น รวมทั้งการผนึกกำลังกับพันธมิตรต่างๆ ทั้ง Bitkub NFT และ  Bitkub Metaverse

ภาสกร กล่าวต่อว่า แม้ว่าตลาด “เมตาเวิร์ส” จะเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่ยอมรับว่าการใช้งานน้อยลง สืบเนื่องจากตลาดคริปโทฯ อย่างไรก็ตามหลังจากที่มีการเปิดขายที่ดิน (Land) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา โดยที่ดินบน Bitkub Metaverse ในเฟสแรกซึ่งครอบคลุมเมือง Bitkub City และ Mutelulu รวมทั้งสิ้น 3,082 แปลง มีราคาเริ่มต้น 200 – 66,665  เหรียญKUB และที่ดินเพื่อการเพาะปลูก (Farm) จำนวน 101,390 แปลง มีราคาเริ่มต้น 54-108 เหรียญ KUB ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดิน ปัจจุบันเหรียญคับมีราคาเคลื่อนไหวที่ 41.6 บาท บาทกระดานบิทคับ (ณ วันที่ 31 ต.ค.2566)

หลังจากมีการเปิดขายที่ดินได้รับผลตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจุบันมีการขายที่ดินบนเมตาเวิร์สประมาณ 20% ของที่ดินทั้งหมด  โดยบิทคับเมตาเวิร์สโปรเจกต์โลกเสมือนแห่งแรกบนบิทคับเชน ซึ่งวางเป้าหมายสู่การเป็นโลกใบใหม่สำหรับทุกคน จึงได้มีการประกาศความร่วมมือร่วมกับหลายแห่งเพื่อผลักดันการใช้งานสู่ Mass Adoption เช่นการร่วมมือกับ Metaverse Thailand โลกเสมือนแนวหน้าของประเทศไทย หรือ การพัฒนาโปรเจกต์ร่วมกันกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ