Arthur Hayes อดีต CEO ของ กระดานเทรด BitMEX ได้ทำการคาดการณ์ว่า ตลาดขาขึ้นของคริปโตจะยังคงดำเนินต่อไป โดยชี้ให้เห็นว่า การที่รัฐบาลต่างๆ พิมพ์เงินกระดาษ (Fiat) เพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้น
ในบทความล่าสุดของเขาที่ชื่อว่า “Left Curve” Hayes มองว่า รัฐบาลทั่วโลกจะยังคงพิมพ์เงินต่อไปเพื่อบริหารจัดการภาระหนี้ ส่งผลให้เงิน fiat สูญเสียมูลค่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin และคริปโตตัวอื่น ๆ
“Bitcoin เป็นสกุลเงินที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ถ้าคุณขาย shitcoin เพื่อแลกกับเงิน Fiat ที่คุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้ในทันที คุณกำลังทำผิดพลาด เงิน Fiat จะยังคงถูกพิมพ์ออกมาอย่างไม่สิ้นสุด จนกว่าระบบจะถูกตั้งค่าใหม่” Hayes กล่าว
Hayes เน้นย้ำว่า แรงจูงใจในการขยายปริมาณเงินนั้นยิ่งชัดเจนมากขึ้นในปี 2024 เนื่องจากเป็นปีเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เขาอ้างถึงกราฟจากบริษัทวิจัยระดับโลกอย่าง BCA Research ซึ่งแสดงให้เห็นว่า โอกาสที่ประธานาธิบดีคนเดิมจะได้รับเลือกตั้งอีกครั้งนั้นลดลงอย่างมาก หากประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะถดถอยในช่วงปีเลือกตั้ง
“ปัญหาของการลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลแบบเทียมๆ คือ มันส่งเสริมการลงทุนที่ผิดพลาด โครงการแรกๆ มักจะคุ้มค่า แต่เนื่องจากนักการเมืองมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตเพื่อให้ได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง คุณภาพของโครงการจึงลดลง” Hayes กล่าว
ไม่ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมาเป็นอย่างไร Hayes เชื่อว่า การพิมพ์เงินจะเพิ่มเร็วขึ้น นำไปสู่ภาวะเงิน Fiat สูญเสียมูลค่าในที่สุด เขาแนะนำให้นักเทรดคริปโตเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์นี้ด้วยการซื้อในช่วงราคาที่ตกต่ำ เพราะมันจะจุดชนวนให้ตลาดกระทิงของคริปโตกลับมาอีกครั้ง
คำทำนายของ Hayes สอดคล้องกับความคิดเห็นที่เพิ่มมากขึ้นว่า Bitcoin ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อของเงิน Fiat จาก Cathie Wood ซีอีโอของบริษัทจัดการสินทรัพย์ ARK Invest เพิ่งอธิบายคริปโตว่าเป็น “การหลบหนีไปสู่ความปลอดภัย” และเป็นเกราะป้องกัน “นโยบายการคลังและการเงินที่เลวร้าย”
แม้ว่า Hayes จะไม่ได้ให้ราคาเป้าหมายใหม่ของ BTC แต่เขาก็แนะนำว่า เส้นทางราคาจาก 70,000 ดอลลาร์ไป 1,000,000 ดอลลาร์ สำหรับ BTC/USD อาจจะไม่ยากเท่ากับการเพิ่มขึ้นจากศูนย์ตามประวัติศาสตร์ Hayes ยอมรับว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่สร้างคลื่นสภาพคล่องของเงิน Fiat ซึ่งผลักดันให้ราคา Bitcoin สูงขึ้น ซึ่งหากยิ่งรุนแรงมากขึ้นฟองสบู่หนี้สาธารณะก็จะเริ่มแตก