เมื่อไม่นานมานี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ฯ (DoJ) ได้เข้าทำการจับกุม Maximilien de Hoop Cartier ทายาทผู้สืบทอดธุรกิจแบรนด์เครื่องประดับและสินค้าลักชูรี่ชื่อดังจากฝรั่งเศสอย่าง “Cartier” ในข้อหากฟอกเงินผ่านการใช้คริปโตเคอร์เรนซี
ตามคำฟ้องร้อง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาถูกตั้งข้อหาเรื่องการลักลอบขนยาเสพติดและการฟอกเงินโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล Tether ( USDT)
ตัวของผู้ต้องหานั้นเป็นทายาทสืบสกุลโดยตรงของ Louis Cartier ผู้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับลักชูรี่ ซึ่งในการฟ้องร้องครั้งนี้ระบุว่าเขามีความพัวพันกับ ขบวนการค้ายาชาวโคลอมเบีย และได้ทำการขนย้ายโคเคนน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม รวมถึงทำการฟอกเงินเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ผ่านการเทรด USDT นอกระบบ
เพื่อปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรม เขาได้ทำการจ้างวานบริษัทบังหน้าฉากหลายบริษัทมาใช้ในการดำเนินธุรกิจมืดดังกล่าว อาทิ บริษัทซอฟต์แวร์และเทคโนโลยี ที่ใช้ในการเป็นตัวกลางในการเคลื่อนย้ายเงิน โดยนอกเหนือจาก USDT แล้วยังมีการฟอกเงินเฟียตสกุลอื่น ๆ อีกด้วยเช่น ดอลลาร์ เปโซ เป็นต้น โดยก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัวที่ไมอามี่ ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 5 คน ผู้ต้องหาสามารถฟอกเงิน USDT ไปได้มากถึง 14.5 ล้านดอลลาร์
ปัจจุบันตัวของ Cartier กำลังรอคำพิพากษาอยู่ที่สถานกักกันและจะถูกดำเนินคดีในฐานะอาชญากรกว่า 4 ข้อหา ประกอบไปด้วย การประกอบกิจการรับโอนเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต , การทำธุรกรรมกับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย, การฟอกเงิน , และการสมคบคิดเพื่อฟอกเงิน ส่วนทางด้านเหล่าผู้สมรู้ร่วมคิดถูกกักขังไว้ ณ เรือนจำในประเทศโคลัมเบีย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมา Tether ประกาศว่าจะมีแผนการพัฒนาเครื่องมือเพื่อติดตามกิจกรรมการทำธุรกรรมในตลาดรอง ที่ได้บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์บล็อกเชนอย่าง Chainalysis มาเป็นหัวหอกในการพัฒนาเครื่องมือใหม่นี้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบธุรกรรม ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผิดกฎหมายและการก่อการร้ายได้
ในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง Tether ไม่นิ่งนอนใจและได้ให้ความร่วมมือกับกฎหมายอยู่เสมอในการทลายการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายผ่านการใช้งาน USDT
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่นานมานี้ทาง Tether ได้ทำการล็อกเหรียญที่เกี่ยวโยงกับ PDVSA หลังมีข่าวหลุดมาว่าบริษัทน้ำมันที่ถูกหนุนหลังโดยรัฐบาลเวเนซุเอลามีแผนที่จะใช้ USDT ในการหลบเลี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตร
- ที่มา : crypto.news
- ภาพ : Protos