เทคโนโลยี Blockchain หลายๆวงการในปัจจุบันเริ่มนำไปปรับใช้สิ่งรอบตัวๆนั้น ดูเหมือนว่าจะเริ่มที่จะเข้ามา disrupt หรือปฏิวัติโลกเราเข้าไปในทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำฟัน, การไปรษณีย์ในไทย, หรือการส่งเงินระหว่างธนาคารต่างประเทศ ซึ่งจะว่าไปแล้วต้องขอบคุณเหรียญคริปโตรุ่นบุกเบิกอย่าง Bitcoin ที่มีการนำเอาเทคโนโลยีนี้มาเผยให้เป็นที่แพร่หลาย ด้วยธรรมชาติของมันที่ทำให้การส่งเหรียญหากันทั่วโลกใช้เวลาเพียงแค่ระดับนาทีนั้น ทำให้ปัจจุบันมันกลายเป็นที่นิยมทั่วโลก ทว่าจุดที่น่าสนใจคือเมื่อรายการทางช่อง YouTube ในประเทศไทยช่องหนึ่งที่ได้ยกระดับการแจกเงินรางวัลผ่านรายการให้เหนือไปอีกขั้นด้วยการแจก Bitcoin ให้กับผู้ชมรายการที่มาดูแบบสดๆ
มีชื่อว่า What The Coin รายการทอล์คโชว์แบบ LIVE ที่มีสาระเกี่ยวกับเทคโนโลยี Blockchain และการลงทุนในตัวเหรียญ Cryptocurrency ก่อตั้งโดยคุณสกลกรย์ สระกวี อดีต CEO ของบริษัท Garena ซึ่งอ้างอิงจากคลิปวีดีโอดังกล่าวที่นาทีที่ 21:26 ทางคุณสกลกรย์ได้ประกาศว่าจะทำการแจก Bitcoin ช่วงท้ายรายการ ให้กับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมโดยการกดแชร์วีดีโอตัวนี้โดยจะทำการสุมผู้โชคดีเพื่อแจกเป็นคนละจำนวน 0.01 BTC (ประมาณ 1,400 บาท) ทั้งหมด 10 รางวัล ซึ่งก็รวมทั้งหมดที่ 0.1 BTC
เมื่อรายการเกมโชว์นำเอา Bitcoin มาประยุกต์ใช้แจกเป็นรางวัล
แม้ว่าทาง What The Coin จะไม่ใช่รายแรกที่จัดกิจกรรมแจก Bitcoin ผ่านทางรายการ แต่กิจกรรมแจกรางวัลดังกล่าวนี้สร้างคำถามที่น่าสนใจขึ้นมาข้อหนึ่งว่า “แล้วถ้ารายการเกมโชว์ทางโทรทัศน์มีการแจกรางวัลเป็น Bitcoin ให้กับผู้ชมทางบ้านบ้างล่ะ?” สิ่งหนึ่งที่หลายๆคนคิดตามมาคงจะเป็นไอเดียที่สามารถนำมาต่อยอดได้ไม่รู้จักจบจักสิ้น
ด้วยธรรมชาติของ Bitcoin ที่สามารถส่งหากันได้ทั่วโลกในระดับนาทีนั้น การแจก Bitcoin ให้กับผู้ชมทางบ้านเพื่อจุดประสงค์ทางการตลาดและกิจกรรมสามารถที่จะทำได้ง่ายดายกว่าเมื่อก่อนมาก โดยข้อได้เปรียบหลักๆที่ทางผู้จัดรายการจะได้ไปก็คือความสะดวกและรวดเร็วที่ไม่ต้องไปขอเก็บชื่อ, เบอร์โทรศัพท์ และเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ชนะรางวัลให้ยุ่งยาก เพียงแค่ทำ platform ผ่าน internet แบบง่ายๆที่ให้ทางผู้ชมทางบ้านสามารถส่ง address ของ Bitcoin ของพวกเขาเข้าไปในระบบนั้นๆแบบไร้ตัวตน หรือจะใช้ระบบ SMS ให้ส่ง address เข้าไปก็ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นรายการประเภทที่ให้ผู้ชมทางบ้านร่วมสนุกด้วยการตอบคำถามหรือโหวตนั้น ก็สามารถที่จะใช้วิธีการนี้ก็ได้เช่นกัน
โดยในลักษณะนั้นจะช่วยให้ทางผู้ประกอบการรายการโทรทัศน์สามารถที่จะประหยัดเวลาในการโอนเงินให้กับผู้เข้าร่วมรายการทางโทรทัศน์ที่อาจจะมีตั้งแต่หลายสิบไปจนถึงหลายร้อยคนได้ ในขณะที่ผู้เข้าร่วมรายการก็จะได้ประโยชน์ทางด้านความเป็นส่วนตัวหรือการไร้ตัวตน ในกรณีที่พวกเขาไม่อยากจะเปิดชื่อให้ทุกๆคนรู้เช่นกัน
Cryptocurrency สร้างกำไรได้ในหลายๆด้าน
โดยอ้างอิงจากในคลิปวีดีโอของ What The Coin นั้น ทางรายการยังได้มีการสัมภาษณ์คุณเต้จาก TH Miner หรือนักขุด Bitcoin มืออาชีพอีกด้วย โดยนาทีที่ 28:30 ที่เขาได้ออกมาอธิบายถึงการขุด altcoin โดยใช้การ์ดจอและเมนบอร์ดนั้น สามารถที่จะสร้างรายได้ราวๆ 9,000 บาทต่อวันถ้าหากสร้างริกขุดที่มีการ์ดจอแบบหลายๆใบ โดยการ์ดจอ 1 ตัวนั้นสามารถที่จะสร้างรายได้วันละ 50-60 บาท อ้างอิงจากคุณเต้
“การให้ผลตอบแทนเนี่ย นับตามจำนวนการ์ดเลยนะครับ[…]ผมคำนวณให้แบบเบสิคก็การ์ดละ 50-60 บาทต่อวัน แต่ว่าเราต้องทำงาน 24 ชั่วโมงต่อวัน”
กล่าวโดยคุณเต้
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
และที่น่าสนใจอีกก็คือ คุณสกลกรย์ยังได้มีการเล่าถึงคนรู้จักของเขา ที่นาทีที่ 1:25:35 ว่าเคยซื้อเหรียญ OmiseGO (OMG) วันแรกที่พวกเขาเปิดขาย ICO ด้วยเงินลงทุนแบบเทหมดหน้าตักที่ 7 ล้านบาทและภายหลังราคาของมันขึ้นมา 30 เท่า ทว่านักลงทุนที่ไม่เปิดเผยชื่อคนนั้นก็ยังไม่ขาย แม้ว่าจะได้กำไรถึง 200 ล้านบาทแล้วก็ตาม
“แต่มันขึ้นมาถึง 200 ล้าน ใจเขาก็ยังไม่ขายนะ เค้ายังคิดว่ามันจะไปอีก”
กล่าวโดยคุณสกลกรย์
เหรียญ OmiseGO คือเหรียญที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัท Omise หรือบริษัทลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น โดยบริษัทดังกล่าวก่อนหน้านี้เคยออกมาประกาศซื้อต่อกิจการบริษัท Paysbuy หรือหนึ่งในผู้ให้บริการ payment gateway ที่ใหญ่ที่สุดของไทย รวมถึงเปิดตัวระบบ Face Pay หรือระบบอัจฉริยะจ่ายเงินด้วยใบหน้าอีกด้วย
ราคาของเหรียญดังกล่าวก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนที่แล้วมีราคาอยู๋ที่ราวๆ 1.30 ดอลลาร์หรือประมาณ 30 กว่าบาทเท่านั้น ทว่าภายหลังการเข้าพบปะพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยของทีม OmiseGO และบิดาของ Ethereum อย่างนาย Vitalik เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ของเดือนสิงหาคมนั้น ภายหลังส่งผลให้ราคาของมันพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรงจนไปแตะจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 9.30 ดอลลาร์ หรือประมาณ 300 บาท อ้างอิงจาก Coinmarketcap
วงการสื่อด้าน Blockchain และ Cryptocurrency ในไทยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
ปัจจุบัน สื่อทางด้าน Blockchain และ Cryptocurrency ในประเทศไทยที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้ชาวไทยนั้นยังถือว่ามีค่อนข้างน้อย ซึ่งแม้ว่าสื่อกระแสหลักส่วนใหญ่จะไม่ได้ให้ความสนใจกับวงการนี้มากเป็นพิเศษ แต่บางครั้งพวกเขาก็จะมีการลงข่าวเพื่อรายงานความเป็นไปทางด้านสกุลเงินดิจิตอลในไทย ซึ่งก็มีทั้งด้านบวกและด้านลบคละๆกันไป
โดยอ้างอิงจากคุณสกลกรย์ในการให้สัมภาษณ์กับสยามบล็อกเชนนั้น การเปิดตัว What The Coin นั้นทำขึ้นเพราะต้องการที่จะให้ความรู้กับชาวไทยในด้านที่ตัวเองถนัดอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ cryptocurrency โดยเขาบอกว่า
“เรามีน้องๆ ที่ทำทีม production ทำรายการอยู่แล้ว ก็เลยอยากที่จะทำรายการขึ้นมาซักรายการนึง โดยเอาเรื่องที่ตัวเองถนัดมาทำเป็นรายการสด Live talk เน้นให้ความรู้จริงๆ กับ คนที่ต้องการจะรู้จัก Cryptocurrency หรือคนที่รู้จักดีอยู่แล้ว ได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น โดยการนำกูรู คนในวงการ Bitcoin ของไทยมาร่วมพูดคุยในรายการ”
อดีต CEO ของ Garena ผู้นี้ยังอธิบายถึงวิสัยทัศน์ของเขาเกี่ยวกับอนาคตของวงการ Bitcoin โดยเขามองว่าปัจจุบันคนรอบๆตัวของเขาเริ่มหันมาให้ความสนใจใน Bitcoin มากกว่าแต่ก่อนมาก พร้อมทั้งคาดว่าราคาน่าจะเพิ่มขึ้นไปอีก 10-50 เท่า
[rsnippet id=”1″ name=”AdSense In-article ad 1″]
“บิทคอยน์คืออนาคต ทุกวันนี้คนรอบๆ ตัว ทั้งในชีวิตจริง และโลก Social ก็ตื่นตัวใน bitcoin มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก หลายๆ คนเริ่มหันมาลงทุนซื้อ บิทคอยน์เก็บไว้ และมองว่ามันคือทรัพย์สินจริงๆ ที่มีมูลค่า แค่นี้ bitcoin ก็ล้มยากแล้วครับ ยิ่งถ้าคนทั้งโลกหันมาถือกันมากขึ้นแต่ supply ยังเท่าเดิม มองราคา 10-50 เท่า ใน 5 ปี นี้ ไว้ได้เลย”
กล่าวโดยคุณสกลกรย์
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกมาทำนายราคาของ Bitcoin ในอนาคตไว้แล้วในงาน TH Miner Bitcoin Workshop 2017 ที่ผ่านมา โดยเขาบอกว่าราคาของ Bitcoin นั้นจะพุ่งไปถึง 7,000 ดอลลาร์ภายในปีนี้อีกด้วย
กดคลิกเพื่อแสดงความเห็น