การรณรงค์ต่อต้านเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐอาจยังไม่สิ้นสุด จนกว่าคุณจะสูญเสียเงินไปกับ bitcoin ( BTC ) ตามคำพูดของนักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง
เกือบตลอดทั้งปีนี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟด ได้ออกมาเรียกร้องความสนใจกับนักลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดคริปโตอยู่บ่อยครั้ง โดยเผยคำแนะนำล่วงหน้า สำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่นั่นดูเหมือนจะเป็นอดีตไปซะแล้ว
ในเดือนกรกฎาคม ประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ ประกาศว่ าธนาคารกลางจะหยุดให้คำแนะนำล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ชัดเจนแล้วว่าเฟด ต้องการเห็นเงื่อนไขทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งรวมถึงราคาหุ้นที่ร่วงลดลง” Brian Overby นักวิเคราะห์การตลาดระดับอาวุโสของ Ally กล่าวเตือนนักลงทุน
ซึ่งนั่นก็อาจจะส่งผลกระทบถึงตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นและคริปโตนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการที่เฟดจะทำแบบนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับนักลงทุนตลาดคริปโตและอาจจะทำให้เกิดความสูญเสียอย่างหนัก
ตามข้อมูลจาก CoinDesk พบว่า ปัจจุบันราคา Bitcoin ลดลงแล้วกว่า 57% ซึ่งเป็นผลมาจากการล้มละลายของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกที่กำลังกดดันตลาดคริปโต
อย่างไรก็ตามเฟดนั้นมีหน้าที่หลัก ๆ อยู่ 2 ประการก็คือ 1. การรักษาเสถียรภาพราคา (price stability หรือ inflation) 2. การดูแลด้านการเติบโตของเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยที่การรักษาเสถียรภาพด้านราคานั้นยังไม่คงที่ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 2% และด้านการจ้างงาน ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ต่ำและนายจ้างมีการจ้างงานเพิ่มมากกว่า 300,000 ตำแหน่งต่อเดือน นั่นเป็นข่าวดีสำหรับผู้หางาน แต่ในทางกลับกัน สิ่งนี้สามารถที่จะกระตุ้นให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นได้ และเพิ่มแรงกดดันให้เฟดดำเนินการอย่างเข็มงวดยิ่งขึ้นไปอีก นั่นเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับตลาด เช่น หุ้นและคริปโต
สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศของสหรัฐจะชะลอลดตัวลงถึง 2 ไตรมาสติดต่อกัน แต่ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาพที่ดีพอที่จะทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้
ที่มา : coindesk