<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ย้อนรอยเส้นทางเดินของ ‘อาจารย์ตั๊ม พิริยะ’ จากนักเทรดหุ้น-ทองคำ ก่อนได้มารู้จักกับ Bitcoin

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คงไม่มีนักเทรด Crypto คนไหนที่ไม่รู้จักที่สุดของกูรูในวงการอย่างอาจารย์ตั๊ม หรือคุณพิริยะ สัมพันธารักษ์ แต่หลายคนก็อาจจะเคยสงสัยว่ากว่าที่อาจารย์ตั๊มจะได้ชื่อว่าเป็นกูรู Crypto นั้น อาจารย์ตั๊มเริ่มต้นอย่างไร และเดินไปในทิศทางในบ้าง

เกี่ยวกับข้อสงสัยในประเด็นดังกล่าว อาจารย์ตั๊มได้ออกมาบอกเล่าผ่านการให้สัมภาษณ์กับรายการ THE STANDARD NOW ที่เผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมของปีที่แล้ว ดังนั้นวันนี้ทางสยามบล็อกเชนจึงอยากพาทุกคนมาย้อนรอยเส้นทางของอาจารย์ตั๊มไปด้วยกัน

ก้าวแรกสู่การลงทุนใน Bitcoin เป็นอย่างไร?

ก่อนหน้านี้อาจารย์ตั๊มเป็นนักเทรดในตลาดหุ้นและตลาดทองคำมาก่อน ประกอบกับการเป็นคนที่มีแนวคิดในการเก็บเงินแบบ Sound Money เพราะมองว่าเงินเป็นสิ่งที่เสื่อมมูลค่าได้เร็วมาก

“ถ้าคุณเก็บเป็นเงิน เงินของคุณระเหยได้ ฉะนั้นเก็บให้ตายก็มีเงินไม่พอ” อาจารย์ตั๊มกล่าว

แนวคิดข้างต้นเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้อาจารย์ตั๊มเริ่มให้ความสนใจกับ Crypto โดยอาจารย์ตั๊มอธิบายว่าเขาเริ่มรู้จัก Bitcoin มาตั้งแต่ปี 2012 แต่เริ่มหันมาศึกษาอย่างจริงจังในช่วงปี 2014 เพราะเล็งเห็นว่า Bitcoin เป็นสิ่งที่พอจะวิเคราะห์แนวโน้มของราคาได้ และเห็นโอกาสในการทำเงินจากสิ่งนี้

อาจารย์ตั๊มเริ่มลงทุนใน Bitcoin แบบ Side Project โดยเป็นการลงทุนควบคู่ไปกับการลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วย แต่ในเวลานั้นการซื้อ Bitcoin สามารถทำได้ค่อนข้างลำบาก เนื่องจากอาจารย์ตั๊มยังไม่แน่ใจว่าแพลตฟอร์มไหนบ้างในประเทศไทยที่มีความน่าเชื่อถือ อาจารย์ตั๊มจึงเริ่มจากการขุดด้วยเครื่องขุดแบบ USB

ภาพรวมของ ​Bitcoin ในปี 2022 และมีอะไรน่าลงทุนอีกบ้าง?

แน่นอนว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Bitcoin มีความโดดเด่นในเรื่องการรักษามูลค่า แต่ถ้าหากพิจารณาในเรื่องของการเก็งกำไร อาจารย์ก็ได้ตั๊มกล่าวว่า “Crypto เกือบทุกตัวน่าสนใจกว่า Bitcoin” เพราะการเก็งกำไรคือการมองหาความผันผวนและความเสี่ยงที่สูง ในขณะที่ Bitcoin ดูเหมือนจะเป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างปลอดภัยในโลก Crypto จึงเหมาะกับการเก็บออมมากกว่า และอาจารย์ตั้มก็เป็นนักเทรดอีกหนึ่งคนที่ต้องการลงทุนใน Bitcoin เพื่อเก็บออมเงิน

อย่างไรก็ตาม การเก็งกำไรจำเป็นต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ และมีความสามารถในการเทรดในระดับหนึ่ง เพราะถ้าหากนักเทรดต้องการโอกาสในการสร้างกำไร แต่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็จะพบว่าตลาดที่ต้องเผชิญคือตลาดที่โหดร้ายมากอย่างแน่นอน เพราะบางเหรียญสามารถสูญเสียมูลค่าได้ภายในวินาทีเดียว รวมถึงจำนวนของมิจฉาชีพก็มีเยอะมากด้วยเช่นกัน

“สิ่งที่ผมจับตาดูในปี 2022 คือ เทคโนโลยีของ Bitcoin มากกว่า” อาจารย์ตั้มให้คำตอบ เมื่อรายการเข้าสู่ช่วงพูดคุยเกี่ยวกับ Crypto ตัวอื่น ๆ ที่น่าลงทุน

อีก 5-10 ปี Bitcoin จะมีบทบาทในทิศทางไหน?

แม้จะมีนักวิเคราะห์หลายคนออกมาคาดการณ์ว่าในอนาคต Crypto อาจมาแทนที่สกุลเงินทั่วโลก และโลกในอนาคตอาจไม่มีตัวกลางอย่างธนาคารอีกต่อไป แต่ทางอาจารย์ตั๊มกลับกล่าวว่า “มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้ก็จริง แต่ผมมองว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบนั้น”

ถ้าหากพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอดีตที่ผ่านมา อาจารย์ตั๊มมองว่าในอนาคต Bitcoin จะเติบโตตามแบบของมัน และทำหน้าที่ของมันในตลาด แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ ธนาคารและรัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามการเติบโตของอุตสาหกรรม Crypto ด้วยเช่นกัน เพราะธนาคารเป็นวิวัฒนาการของระบบการเงินแบบดั้งเดิม ดังนั้นธนาคารก็สามารถวิวัฒนาการต่อไปเพื่อรองรับระบบทางการเงินแบบใหม่ในอนาคตได้เข่นกัน

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งในมุมมองของอาจารย์ตั๊ม คือ Bitcoin ไม่ได้จะมาแทนที่ธนาคาร แต่จะเข้ามาแข่งขันทางการตลาดมากกว่า

“ปัญหาของระบบธนาคารมันไม่ได้อยู่ที่ตัวระบบ แต่มันอยู่ที่การผูกขาดอำนาจในการให้บริการทางการเงิน ธนาคารกลางผูกขาดในการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินที่เป็น Sound Money กับเงินที่รัฐบาลให้ผลิต และธนาคารพาณิชย์ก็ผูกขาดการทำบัญชีเก็บออม การให้เงินกู้ และการส่งเงินข้ามผ่านบัญชี” อาจารย์ตั๊มอธิบาย

อาจารย์ตั๊มมองว่าวิธีการทำระบบอย่างเช่นเครือข่าย Lightning Network ของ Bitcoin เป็นสิ่งที่มีความสามารถมากพอที่จะเบียดเข้าไปในตลาดของธนาคารพาณิชย์ โดยสามารถทำหน้าที่แทนธนาคารในการโอนเงินข้ามผ่านบัญชีได้อย่างง่ายดายแบบเดียวกับที่ธนาคารทำได้ในตอนนี้ และยังเป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันทั่วโลกอีกด้วย

“ผมมองว่าสุดท้ายแล้ว Crypto กับธนาคารจะพัฒนาไปด้วยกัน แต่ถ้าธนาคารไม่ยอมพัฒนา มันก็จะตาย” อาจารย์ตั๊มกล่าวปิดท้าย

ที่มา: THE STANDARD