<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Edward Snowden กล่าว CBDC เป็น “Crypto เผด็จการ” และอาจ “ทำลาย” เงินออมของประชาชน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในช่วงภาวะวิกฤติ FED อาจกำหนดปรับดอกเบี้ยในอัตราติดลบแก่การออมเงินของประชาชน และบีบบังคงให้ประชาชนต้องควักเงินออกมาใช้

จากทวีตเมื่อไม่นานมานี้ นักเปิดโปงความลับของรัฐบาลสหรัฐฯ Edward Snowden กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) อาจเป็นการบ่อน “ทำลายแหล่งที่เก็บเงินออมของกลุ่มชั้นนำแรงงานทุกคน” ในอนาคต

Edward Snowden ได้เริ่มโจมตีคำมั่นสัญญาของ CBDC สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการหนุนหลังโดยเงินสำรองของธนาคารกลาง โดยตอบโต้บทความใน New York Times ที่เขียนโดย Dr. Eswar Prasad ศาสตราจารย์ด้านนโยบายการค้าจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์

Dr. Eswar Prasad ได้เน้นย้ำถึงการเติบโตของระบบเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินไปสู่เศรษฐกิจแบบสังคมไร้เงินสด เห็นได้จากการวิจัยและทดลอง CBDC ในหลาย ๆ ประเทศอย่าง จีน สวีเดน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป ซึ่งได้ประกาศเตือนประเทศต่าง ๆ เมื่อช่วงฤดูร้อนว่า ภาคเทคโนโลยีอาจพัฒนาแซงหน้ารัฐบาลในไม่ช้า หากรัฐบาลไม่เริ่มเตรียมตัวสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง

Edward Snowden ได้เน้นยำถึงส่วนหนึ่งของบทความที่ Dr. Eswar Prasad ได้ตั้งทฤษฎีเอาไว้ว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในภาวะวิกฤต และธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนเป็น 0 “FED อาจกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยติดลบ โดยการลดยอดเงินคงเหลือของเงินในบัญชีสกุลเงินดิจิทัลของทุกคนลง”

เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไป อัตราดอกเบี้ยติดลบจะบีบให้เกิดการกู้ยืมและใช้เงินเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยไต่ระดับขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากการถือเงินสดนั้นมีราคาสูง มีที่สำหรับจัดเก็บให้พิจารณา ธนาคารอาจมีแนวโน้มที่จะให้ธนาคารอื่นกู้ยืมหรือกำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบ

แม้ว่าสิ่งนี้จะใช้ได้กับธนาคารพาณิชย์ Edward Snowden มองว่าบทความของ Dr. Eswar Prasad เป็นเหมือนลางร้ายสำหรับผู้เก็บออมทั่วไปภายใต้การเกิดขึ้นของ CBDC โดยอ้างว่าสกุลเงินนี้อาจจะเป็น “‘เครื่องมือทางการเมืองที่มีประสิทธิภาพ’ ที่จะบ่อนทำลายเงินออมของคนงานทุกคนในประเทศโดยบังเอิญ หากพวกเขาไม่ใช้จ่ายเงินให้ไวพอ”

Edward Snowden ยังได้อธิบายเพิ่มเติมถึงความอันตรายของ CBDC ในบล็อคโพสต์ของเขาที่เผยแพร่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยได้เรียก CBDC ว่าเป็น “การบิดเบือนหลักการของคริปโตเคอร์เรนซี เป็น Crypto เผด็จการ เป็นปีศาจที่จะเข้าสู่บัญชีแยกประเภทในวันที่ทุกอย่างที่พูดหรือทำจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม ออกแบบมาเพื่อปฏิเสธการเป็นเจ้าของเงินของผู้ใช้งาน และติดตั้งศูนย์การไกลเกลี่ยของรัฐเอาไว้ในทุกการทำธุรกรรมทางการเงิน”

เขาเริ่มต้นด้วยประวัติศาสตร์ทางการเงิน จากต้นกำเนิดที่เป็นเพียงชิ้นโลหะที่ขุดได้จากเหมือง กลายเป็นสกุลเงินที่ใช้กันในปัจจุบันและต่อมากลายตัวเลขดิจิทัลในแอปพลิเคชันของธนาคาร

จากนั้น เขาได้อธิบายถึงคำมั่นสัญญาของสกุลเงินที่มีการกระจายอำนาจทางการเงินอย่าง Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเสนอวิธีการเก็บและเทรดเงินโดยปราศจากตัวกลางอย่างธนาคารและบริการทางการเงินต่าง ๆ ก่อนจะกล่าวเตือนว่า CBDC เป็นอันตรายต่อ Crypto ทุกสกุลโดยการรวมศูนย์อำนาจทางการเงินอีกครั้งด้วยระบบการเงิน ซึ่งทำให้เงินดิจิทัลทุกเหรียญถูกดึงกลับมาอยู่ใต้การควบคุมของธนาคารกลางอีกครั้งหนึ่ง

อัลกอริทึมของเหรียญ stablecoin บางตัวเป็นสิ่งที่ Edward Snowden กำลังกังวล ซึ่งมีลักษณะเป็นการย้ายเหรียญออกจากกระเป๋าเงินของผู้คนเพื่อเปลี่ยนแปลงอุปทานและมูลค่าของเหรียญ ความแตกต่างคือกลไกเหล่านี้ก็คือการ rebases เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติตามพารามิเตอร์ที่กำหนดถูกโดยชุมชน ไม่ใช่โดยธนาคารกลางที่เขาไม่ไว้วางใจ

Edward Snowden ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ต่อต้าน CBDC ผลการสำรวจชาวสหราชอาณาจักรจำนวน 2,500 คนโดย POLITICO เมื่อเดือนสิงหาคม เผยให้เห็นว่ามีชาวสหราชอาณาจักรเพียง 24% ที่เชื่อว่า CBDC จะเป็นประโยชน์ต่อสังคม ในขณะที่ 30% เชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลนี้จะสร้างอันตรายแก่สังคมมากกว่าผลดี และสามในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถามกังวลว่า CBDC ที่อยู่ใต้การดูแลของธนาคารกลางอังกฤษจะถูกโจมตีโดยอาชญากรทางไซเบอร์

ความคิดเห็นที่เกิดขึ้นรอบ CBDC นั้นไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ผู้คนยังคงมีความกังวลว่าเงินของพวกเราจะถูกโจมตีโดยอาชญากรไซเบอร์ หรือที่ Edward Snowden และ Dr. Eswar Prasad กลัวคือถูกโจมตีโดยธนาคารกลางของรัฐบาลเอง

ที่มา: Decrypt