<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ไม่ได้ไปต่อ ! ‘CDC’ ตัวชี้วัดเขียว-แดงขวัญใจนักเทรดไทย ! ส่งสัญญาณเข้าซื้อพลาด 4 ครั้งในปี 2022  

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

แม้ใกล้เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของปีมาทุกที ๆ แต่สภาพของตลาดคริปโตนั้นต้องบอกเลยว่ายังคงเหมือนเดิม ซึ่งหากดูจากราคาของเหรียญพี่ใหญ่อย่าง Bitcoin ก็ต้องบอกเลยว่าราคาได้ร่วงยับลงมาจากต้นปี ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ราคา Bitcoin จะไม่มีทรงอะไรให้เก็บแล้ว

แต่ทว่าจากกูรูต่าง ๆ ไม่ว่าจะชาวไทยหรือต่างชาติก็มักจะหาเครื่องมือเพื่อมาเป็นตัวช่วยให้เทรดช่วงขาลงเช่นนี้กันอยู่เสมอ ซึ่งคนไทยหลายคนก็คงทราบชื่อเสียงเรียงนามของเจ้า Indicator  “CDC ActionZone” หรือ ตัวชี้วัดเขียว-แดง ที่ถูกสร้างโดยโฉลกดอทคอม มากันบ้างแล้ว แต่มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจเกี่ยวกับวิธีทำงานของตัวชี้วัดดังกล่าว

ดังนั้นก่อนอื่นเลยเราต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า ‘CDC ActionZone’ นั้นเป็น Indicator ที่ใช้ทำนายราคา Bitcoin ด้วยการนำเอาเส้นค่าเฉลี่ย EMA 12 และ 26 มาใช้คำนวณหาเทรนด์แนวโน้มของทั้งฝั่งขาขึ้นและขาลง

Indicator นี้มีจุดเด่นในเรื่องการใช้งานที่ค่อนข้างดูง่ายมีโซนสีเขียวและโซนสีแดง จนนักเทรดต่างขนานนามชื่อว่าเป็นตัวชี้วัดเขียว-แดง ซึ่งเมื่อแท่งเทียนเป็นสีแดงก็เป็นสัญญาณให้ขาย  ในทางกลับกันแท่งเทียนกลายเป็นสีเขียวก็อาจเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ได้ว่าถึงเวลาซื้อแล้วนั้นเอง 

โดยสิ่งที่น่าสนใจจากผลลัพธ์ที่เจ้าตัว Indicator ตัวนี้แสดงออกมาในปีนี้ เรียกได้ว่าอาจจะไม่เป็นที่ถูกอกถูกใจนักเทรดคริปโตเท่าไรนัก

จากรูปจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่กราฟ Bitcoin ในกรอบ TF รายวัน มีแท่งเทียนเปลี่ยนกลายไปเป็นสีเขียวแล้วราคาไม่ได้ทำ New low และ New High ใหม่ ไม่ได้มีการรันเทรนด์ขาขึ้นแต่อย่างใด และทุกครั้งที่เขียวหลังจากนั้นไม่กี่แท่งเทียนต่อมาก็ก็กลายเป็นสีแดง

ซึ่งเท่ากับว่าหากนักเทรดที่ใช้ Indicator ตัวนี้แล้วเข้าตามที่สัญญาณบอกเมื่อแท่งเขียวให้เข้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะชนโซนที่ตั้ง Stop Loss ไว้ ในครั้งที่ 1 และหากสังเกตจากรูปถัดจากครั้งแรกอีก 3 ครั้ง ก็จะเป็นไปในลักษณะเดียวกัน

พูดง่าย ๆ ก็คือพอขึ้นแท่งเขียวและก็กลับกลายเป็นแดง ซึ่งหากวัดในปี 2022 นี้ก็อาจมองได้ว่า Win Rate ของ CDC แทบจะถือว่ามี Winrate = 0 กันเลยทีเดียวสำหรับขาขึ้น

อย่างไรก็ดีก็อาจจะต้องมาดูกันใหม่ในปีหน้าว่า Indicator ขวัญใจชาวไทยนั้นจะมีการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร ทั้งนี้อย่างรู้กันว่าวิกฤตตลาดคริปโตได้เผชิญกับศึกหนักมาตั้งแต่ต้นปียันท้ายปี 2022 ซึ่งนี่อาจจะอีกเป็นสาเหตุหนึ่งที่ตัวชี้วัดดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลในปีนี้และอาจต้องใช้เวลาเพื่อพิสูจน์กันต่อไป

คริปโทเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้