ปีนี้ถือเป็นปีที่สับสนวุ่นวายสำหรับตลาด Crypto เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งล้มเหลวหรือกำลังพยายามดิ้นรนที่จะอยู่ให้ได้ ผู้ประกอบการที่ไม่โปร่งใสจะถูกกำจัดออกไป ซึ่งเป็นกระบวนการที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งหมด เหมือนกับว่านักเทรดทุกคนอยู่ในช่วงสุดท้ายของตลาดหมี
แม้เรื่องราวทุกอย่างในปีนี้จะฟังดูเลวร้ายไปหมด แต่เทคโนโลยี Web3 ก็ได้เริ่มต้นก้าวใหม่ ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าท่ามกลางจากฤดูหนาว Crypto และก้าวเหล่านั้นก็จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างนับจากนี้
Web3 แสดงถึงวิวัฒนาการขั้นถัดไปของการแลกเปลี่ยนข้อมูล คล้ายกับการเปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นโครงสร้างคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว อาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยี บล็อกเชน จะนำมาซึ่งวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับอินเทอร์เน็ตเมื่อเราก้าวไปสู่อนาคต
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำทำนายบางส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่ทุกคนคาดหวังว่าได้ในปี 2023 เท่านั้น มาดูไปพร้อมกันเลยว่าปีหน้ามีอะไรที่น่าตื่นเต้นรอคอยทุกคนอยู่บ้าง
1) การระดมทุน Crypto จะลดลงอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2023
ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังรอให้สิ่งต่าง ๆ ร่วงลงถึงจุดต่ำสุด ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความกังวลด้านเศรษฐกิจระดับมหภาคในวงกว้างและความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกด้วย
อย่างไรก็ตามการชำระเงินแบบ layer 1s/2s, ความสามารถในการทำงานร่วมกัน (layer 0/bridge) รวมไปถึงโปรโตคอลการกู้ยืมและการซื้อขาย จะยังคงได้รับเงินทุนสนับสนุนต่อไปเพื่อเติมเต็มสิ่งที่สูญเสียจากการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ การแฮ็กครั้งล่าสุด และการล่มสลายของกระดานเทรดแบบรวมศูนย์
2) แนวคิดการปฏิเสธความต้องการ big brands ในยุคแรกเริ่มของ Web3 จะหายไปในปี 2023
ในที่สุดทุกคนจะเริ่มตระหนักว่า เมื่อไม่มีเงินจาก big brands สิ่งที่เรามีก็คือมูลค่าของเหรียญ Crypto ที่มาจากผู้ใช้รายย่อย และเงินจากนักเก็งกำไร แต่โปรเจกต์ต่าง ๆ จะยอมรับแบรนด์ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมเงินโฆษณา การตลาด และสปอนเซอร์ เพื่อให้ความฝันเกี่ยวกับโทเค็นที่เป็นตัวแทนของ microequity ในโลก Web3 สามารถบรรลุได้ผ่านการสนับสนุนด้วยเงินทุนจากภายนอก
นอกจากนี้ แบรนด์ Web2 เช่น Nike, Starbucks และ Meta จะริเริ่มการทดลองใหม่ ๆ ใน Web3 โดยมุ่งเน้นไปที่ NFT ซึ่งลูกค้าสามารถมีส่วนร่วมได้มากกว่าการสร้างรายได้
3) ผู้คนจะเริ่มรู้ว่าวิธีที่หลายคนคิดเกี่ยวกับชุมชน Web3 นั้นไร้สาระ
“ชุมชน” มักจะเป็นเพียงคำหลักที่ใช้ในการอธิบาย “กลุ่มนักเก็งกำไรในความขัดแย้ง ที่แบ่งปันเทคนิคการทำกำไรอย่างรวดเร็วร่วมกัน และละทิ้งโปรเจกต์เมื่อไม่มีการเติบโต” โดยสิ่งที่ทุกคนจะตระหนักในปี 2023 คือโปรเจกต์ Web3 ทั้งหมด เป็นโปรเจกต์ในอุดมคติ ดังนั้นทุกคนจึงไม่สามารถละเลยปัจจัยพื้นฐานของผลิตภัณฑ์ในตลาดที่มีความเหมาะสม
4) ต้นทุนการพัฒนาแอป Web3 จะลดลง แต่ต้นทุนเพื่อการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้น
App Store และ AdMob จะช่วยให้นักพัฒนาและผู้ใช้ค้นหากันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเน้นไปยังคุณภาพและการค้นคว้าเกี่ยวกับ Web3 รูปแบบใหม่ ๆ โดยในตอนแรก L1 และกระเป๋าเงินจะแข่งขันกันเพื่อสิ่งนี้ แต่บริษัทอื่น ๆ น่าจะเข้ามาแทนที่ในไม่ช้า
แอป Breakout Web3 ในปี 2023 จะกลายเป็นแอปที่มีการดาวน์โหลดสูงสุด และทำรายได้สูงสุดในยุคแรก ๆ ของอุปกรณ์เคลื่อนที่ เนื่องจากแอปเหล่านี้จะสร้างประสบการณ์และกราฟิกที่เรียบง่ายให้กับผู้ใช้ พร้อมกับกลไกการมีส่วนร่วมและการสร้างรายได้ที่ใช้งานง่าย แต่สร้างสรรค์ เช่นเดียวกับ Angry Birds ในปี 2009
5) แนวคิด “ความเสถียร” และ “ความยั่งยืน” ของเกมในปัจจุบัน จะทำให้เกิดเกมที่มีการเก็งกำไรด้วย Crypto
ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสร้างประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนวิดีโอเกม Web2 รุ่นที่มีอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักพัฒนาเกมจะได้เรียนรู้อีกครั้งว่าการเก็งกำไรด้วย Crypto ในตลาดเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก และจะพยายามรวมมันเข้าด้วยกันกับเกม
6) แอปจำลองการทำงานของธุรกิจจะยังคงมีอยู่ใน Web3 แต่จะมีส่วนประกอบของบล็อกเชนพื้นฐานเป็นบางส่วน
แอปเหล่านี้จะเจาะกลุ่มตลาดของผู้ใช้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์หลักแบบเดิม แต่มีความเกี่ยวข้องกับ Web3 อยู่บ้าง ซึ่งคล้ายกับบริษัทอินเทอร์เน็ตในยุคแรกๆ หลายแห่ง (เช่น Amazon เป็นร้านหนังสือบนเว็บ) หรือบริษัทมือถือ (เช่น Robinhood ในรูปแบบมือถือ) ทั้งนี้แอปเหล่านั้นจะสร้างความแตกต่างในด้านการตลาดและประสบการณ์มากกว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์หลัก
7) แอปบล็อกเชนจะพึ่งพาโทเค็น large-capitalization ที่มีอยู่มากขึ้น
สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพื่อจัดการกับต้นทุนการปฏิบัติตามกฎระเบียบและค่าใช้จ่าย และเพื่อขับเคลื่อนกลไกที่เกี่ยวข้องกับเหรียญ Ethereum ซึ่งจะยังคงเลื่อนแผนการทำงานออกไปในปี 2023 ทั้งนี้ทางเลือก L1 จะได้รับความสนใจน้อยลงอย่างมาก หลังจากมีการจัดส่ง Sharding เพื่อลดค่าธรรมเนียม gas
8) เหรียญ Stablecoin จะพบกรณีการใช้งานอื่น ๆ นอกตลาดทุน Crypto
กรณีการใช้งานใหม่ ๆ ของ Stablecoin จะผลักดันให้เกิดการนำไปใช้มากขึ้น โดยหลัก ๆ แล้วจะเป็นในกลุ่มธุรกิจและนวัตกรรมภายใน Web3 ทั้งนี้การวิจัยและพัฒนาบล็อกเชนของรัฐบาลและเอกชนจะดำเนินต่อไป โดยจะมีการประกาศโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะแบบรวมศูนย์ เช่น สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือโครงสร้างพื้นฐานของตลาด
9) ความขัดแย้งทางการเมืองเกี่ยวกับ Crypto จะลุกลามมากขึ้นในช่วงปลายปี 2023
ความขัดแย้งดังกล่าวจะลุกลามเข้าไปในการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา โดยความเฟื่องฟูและการทำลายล้างจะดำเนินต่อไปผ่านการแฮ็กอย่างไม่ได้ตั้งใจ (เช่น Wormhole) การเปิดโปงความเสี่ยงมากเกินไป (เช่น Terra) และการฉ้อโกงฉับพลัน (เช่น SafeMoon) จนทำให้นักการเมืองจำนวนมากมีท่าทีแข็งกร้าวต่ออุตสาหกรรม Crypto
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ จะยังคงไม่มีความเด็ดขาดในกฎระเบียบ ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมในประเทศ โดยกฎระเบียบใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น อาจทำให้โปรเจกต์ที่มีความเสี่ยงสูงหลุดรอดไปได้
10) ในปี 2023 จะมีจุด ๆ หนึ่งที่เราจะได้เห็นการเติบโตของโปรเจกต์ใหม่ ๆ
การเติบโตใหม่ ๆ นั้น เช่น โปรเจกต์ภาพโปรไฟล์ NFT หรือโปรเจกต์การเล่นเพื่อหารายได้จากทางเลือก L1 ฯลฯ โดยสิ่งใหม่เหล่านี้จะขับเคลื่อน cycle ต่อไป อีกทั้งกรอบการทำงานใหม่ ๆ จะขับเคลื่อน utility และการยอมรับของผู้บริโภคอย่างแท้จริง จนทำให้มีกระเป๋าเงิน Crypto และผู้ใช้ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายร้อยล้านราย
ความไม่แน่นอนของอนาคตยังแสดงถึงโอกาส และผู้ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจะได้รับประโยชน์หากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้น
ที่มา: cointelegraph