จากเอกสารที่ได้รับจาก The Wall Street Journal ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสืบสวนของทางการสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ในช่วงปี 2018 มีชายเพียง 4 รายเท่านั้นที่ถือหุ้นรวมถึง 86% ของบริษัทผู้ออกเหรียญ Stablecoin ชื่อดังอย่าง ‘ Tether Holdings Limited’
การไต่สวนดังกล่าวถูกจัดทำครั้งแรกโดยสำนักงานอัยการสูงสุดของนิวยอร์กและสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าใน Tether Holdings ในปี 2021 ซึ่งได้เปิดเผยโครงสร้างความเป็นเจ้าของที่ไม่รู้จักก่อนหน้านี้ โดยบริษัทเป็นผู้ออก Tether ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยอุปทานหมุนเวียนมูลค่ากว่า 6.8 หมื่นล้านดอลลาร์ อ้างอิงตามข้อมูลของ CoinMarketCap
ตามเอกสารได้มีการระบุว่า Tether เป็นโปรเจกต์เหรียญ StableCoin ที่ถูกสร้างขึ้นโดยความพยายามร่วมกันของอดีตศัลยแพทย์พลาสติก Giancarlo Devasini และอดีตนักแสดงเด็กและผู้ประกอบการคริปโต Brock Pierce ในเดือนกันยายน 2014 โดยที่ Tether Holdings ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
แต่ทว่าสี่ปีต่อมา Pierce ได้ลาออกจากบริษัท และ Devasini ก็ได้กลายเป็นเจ้าเหรียญ Tether อยู่ประมาณ 43% Devasini ยังช่วยสร้างแพลตฟอร์มเทรด crypto “Bitfinex” ซึ่งปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท ในขณะที่ Jean-Louis van Der Velde CEO ของ Bitfinex และหัวหน้าที่ปรึกษา Stuart Hoegner ต่างก็เป็นเจ้าของ Tether อยู่ที่สัดส่วนประมาณ 15% ในปี 2018 อ้างอิงข้อมูลตามเอกสาร
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสี่ของ Tether ในปี 2018 คือบุคคลสองสัญชาติที่รู้จักกันดีในชื่อ Christopher Harborne และ Chakrit Sakunkrit ในประเทศไทย ซึ่งถือหุ้นอยู่ 13%
รายงานระบุว่า จากการถือครองของพวกเขาเองและบริษัทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ชายสี่รายนี้ได้ถือเหรียญ Tether อยู่มากที่สุดในสัดส่วนประมาณ 86% ของอุปทานทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม Paolo Ardoino ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Tether ทวีตตอบโต้บทความของ The Wall Street Journal ว่าเป็น “บทความตลก”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ Tether มีประเด็นข่าวในเชิงลบ โดยย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ในเดือนพฤศจิกายน ที่มีบทความอื่นรายงานว่า Tether อาจถูกพิจารณาให้เป็นบริษัท “มี่ล้มละลายทางเทคนิค”
รายงานของ Cointelegraph ได้เปิดเผยว่า ข้อตกลงระหว่าง Tether และสำนักงานอัยการสูงสุดของนิวยอร์กได้ตกลงกันสำเร็จในปี 2021 หลังจากที่บริษัทถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับจำนวนเงินหลักประกันที่ใช้ในการค้ำประกันเหรียญ Stablecoin ของบริษัท
ที่มา : cointalegraph