หลังจากรอคอยมานานถึง 5 ปี ในที่สุดผู้ใช้ที่ประสบความสูญเสียหลังจากการล่มสลายของ “QuadrigaCX” เว็บเทรด Crypto ที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา ก็จะสามารถรับเงินคืนบางส่วนได้แล้วในขณะนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 Gerald William Cotten ผู้ก่อตั้งและ CEO วัย 30 ปี ของ QuadrigaCX ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันโดยไม่มีใครคาดคิดและเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าถึงเงินทั้งหมดของผู้ใช้งาน ทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ Crypto รวมมูลค่าประมาณ 190 ล้านดอลลาร์ที่ผู้ใช้ฝากไว้ในแพลตฟอร์มได้
ในปีต่อมา เจ้าของเว็บเทรดอย่าง Quadriga Fintech Solutions ได้ตัดสินใจยื่นฟ้องล้มละลาย แม้ว่านักลงทุนจะยังคงไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ก็ตาม และจนถึงปัจจุบัน บริษัทเว็บเทรดแห่งนี้ก็ถูกฟ้องร้องไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น 17,648 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 223 ล้านดอลลาร์
ทว่าการอัปเดตล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้จาก Ernst & Young บริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ดูแลการล้มละลายของ QuadrigaCX ระบุว่า ผู้ใช้บางรายจะสามารถเคลมเงินลงทุนบางส่วนที่ถูกล็อกไว้คืนได้แล้วในขณะนี้
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม Ernst & Young ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของ QuadrigaCX ได้รับเงินคืนประมาณ 13% ของเงินทั้งหมดที่พวกเขาอ้างสิทธิ์รับ โดยจะเป็นการหักเงินบางส่วนออกไป
“เจ้าหนี้แต่ละรายที่พิสูจน์การอ้างสิทธิ์รับเงินแล้วจะได้รับเงินคืนประมาณ 13.094156% ของเงินทั้งหมดที่พิสูจน์ตามการอ้างสิทธิ์ โดยจะหักเงินที่เรียกเก็บจากสำนักงานกำกับดูแลการล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติการล้มละลาย (BIA) ซึ่งเงินปันผลระหว่างกาลจะจัดให้มีการแจกจ่ายประมาณ 87.0% ของกองทุนที่ Trustee ถืออยู่ในปัจจุบัน”
ทั้งนี้เงินที่เหลือจะถูกเก็บไว้เป็นเงินสำรองสำหรับการเบิกจ่ายในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการล้มละลาย นอกจากนี้ ประกาศล่าสุดยังระบุด้วยว่า “เฉพาะผู้ที่พิสูจน์การอ้างสิทธิ์แล้วเท่านั้น” ที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนผ่านเช็คทางไปรษณีย์ หรือการจัดการในรูปแบบอื่น ๆ ตามที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ต้องการ
“ถ้าหากการอ้างสิทธิ์ของคุณถูกระบุว่า เป็นการอ้างสิทธิ์ที่มีข้อโต้แย้งในเอกสารเงินปันผลที่แนบมา โปรดตรวจสอบและตอบกลับหนังสือที่แจ้งให้มีการแก้ไข หรือติดต่อ Trustee”
“จะไม่มีการแจกจ่ายเงินให้กับบัญชีที่มีข้อพิพาท เว้นแต่ว่าข้อพิพาทดังกล่าวจะได้รับการแก้ไข และการอ้างสิทธิ์รับเงินจะต้องได้รับการยอมรับ” เอกสารจาก Ernst & Young ระบุ
ที่มา: dailyhodl