<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักลงทุนในตำนาน Paul Tudor Jones กล่าวว่า “ผมไม่เคยถือสินทรัพย์ตัวไหนนานเท่า Bitcoin มาก่อน”

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในขณะที่อุตสาหกรรม Crypto กำลังตกเป็นประเด็นร้อนแรงในหมู่หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ชาวอเมริกา กลับกล่าวว่า เขาจะถือ Bitcoin ที่เขาได้ซื้อไปเมื่อก่อนหน้านี้ต่อไปในระยะยาว เพราะฟีเจอร์ของ Bitcoin ทำให้สินทรัพย์ตัวนี้มีความโดดเด่นมากกว่าสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ ในพอร์ตการลงทุนของเขา

เขายังได้กล่าวชื่นชมอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัดของ Bitcoin ด้วยว่า มันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะถือ Bitcoin ยาวนานกว่าสินทรัพย์ตัวอื่น ๆ โดยเขาได้อธิบายในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ Squawk Box ของ CNBC เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 

“ผมไม่เคยถือสินทรัพย์ตัวไหนนานขนาดนั้น ผมพูดมาเสมอว่าผมต้องการจัดสรรพื้นที่ส่วนเล็ก ๆ ของพอร์ตการลงทุนของผมให้กับ Bitcoin เพราะมันเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอุปทานได้ ผมเลยยึดติดกับมัน ผมยึดติดกับมันมาตลอด แม้จะเป็นการจัดสรรความหลากหลายส่วนเล็ก ๆ ในพอร์ตการลงทุนของผมก็ตาม”

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2022 Paul Tudor Jones ได้แสดงออกถึงความเชื่อของเขาว่า สินทรัพย์ Crypto จะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมากในจุดใดจุดหนึ่งในอนาคตอันไกลโพ้น โดยเฉพาะในช่วงที่มีการพิมพ์เงินจนมากเกินไป ต้องขอบคุณความขาดแคลนของ Crypto ที่สามารถทำให้มูลค่าของมันสามารถพุ่งสูงขึ้นได้มากกว่าในอดีต 

เมื่อถูกถามว่าเขาจะซื้อ Bitcoin เพิ่มหรือไม่ เขากล่าวว่า Crypto “มีแนวโน้มที่ดีมากเมื่อเร็ว ๆ นี้” แต่เขายังคงสงสัยอยู่ว่า Crypto “จะกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อในอนาคตหรือไม่”

สำหรับ Bitcoin เขาเชื่อว่า Bitcoin “มีปัญหาเพราะอยู่ในสหรัฐฯ คุณมีหน่วยงานกำกับดูแลทางกฎหมายทั้งหน่วยที่ต่อต้านมัน ดังนั้น มันจึงดูเหมือนเป็นแค่ข่าวของเมื่อวาน และหากอัตราเงินเฟ้อลดลงจริง ๆ หากเรื่องราวเหล่านั้นถูกนำมากล่าวถึง คุณคงจะสงสัย”

“พวกเรากำลังซื้อทองคำและ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่เกมนี้อาจจะจบลงเมื่อ 6 เดือนก่อน ก่อนที่จะมี AI และก่อนที่จะมีผลผลิตที่เป็นไปได้มาพร้อมกับมัน ซึ่งต่อจากนี้ผมจะพูดถึงอนาคตของภาวะเงินเฟ้อและการป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่แตกต่างออกไป”

ในขณะนี้ Bitcoin มีราคาอยู่ที่ 27,100 ดอลลาร์ ร่วงลดลง 2.17% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา

ที่มา: Finbold