แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และสหราชอาณาจักร แต่ราคา Bitcoin ก็ค่อนข้างคงที่ในเดือนกันยายนและเพิ่มขึ้นราว 4.7% เหรียญมีความแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 และปี 2016 เมื่อราคา BTC เพิ่มขึ้น 23.5% และ 5.7% ตามลำดับ
Bitcoin เพิ่มขึ้นในเดือนกันยายนแม้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่น่าดึงดูด
การซื้อขายที่ประมาณโซน 27,300 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม Bitcoin มูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากระดับต่ำสุดในเดือนกันยายน และนักเทรดมั่นใจว่าจุดสูงสุดถัดไปเพิ่งเริ่มต้น เมื่อพิจารณาถึงการแกว่งตัวที่แข็งแกร่งในช่วงปลายเดือนกันยายน โดยได้รับการยืนยันในช่วงต้นเดือนตุลาคม ถือเป็นการเริ่มต้นที่แข็งแกร่งสำหรับไตรมาสที่ 4 ในปี 2023
ตามข้อมูลของ Kaiko บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลตลาดคริปโตพบว่า Bitcoin มีความ “มั่นคง” Bitcoin ยังคงมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุน แม้จะมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น อัตรากองทุนที่สูง และผลตอบแทนที่ “ปราศจากความเสี่ยง” ในมุมมองรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วตลอดปี 2022 และครึ่งแรกของปี 2023 เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารในภูมิภาคต้องแบกรับภาระมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้บางธนาคารล้มละลายในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 นอกจากนี้ เงินทุนที่ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตฯ จะถูกนำไปลงทุนในตลาดพันธบัตรและตราสารหนี้ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูงแต่มีความปลอดภัย
ในวันที่ 3 ตุลาคม ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ระหว่าง 5% ถึง 5.25% ในทางกลับกัน ในเดือนสิงหาคมอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% หลังจากลดลงอย่างต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดที่ 8.2% ในเดือนกันยายน 2022 ซึ่งสูงที่สุดในรอบประมาณ 30 ปี
Federal Reserve (FED) ธนาคารกลางสหรัฐฯ วางแผนจะรักษาอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ประมาณ 2% ด้วยเหตุที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น การต่อรองของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นในการประชุมครั้งต่อไปซึ่งยังอยู่ในระดับสูง ความเคลื่อนไหวอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพคล่องของเหรียญคริปโตและราคาของเหรียญชั้นนำรวมถึง Bitcoin
ในปี 2022 เมื่อ FED ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคา Bitcoin ก็ร่วงลงจากระดับสูงสุดในปี 2021 โดยลดลงต่ำกว่า 16,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ราคา crypto ที่ลดลงส่งผลกระทบทางลบต่อแพลตฟอร์ม crypto เนื่องจากเว็บเทรดชั้นนำรวมถึง FTX ถูกฟ้องล้มละลาย
ที่มา : Bitcoinist