<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สุดเจ๋ง ! Polygon จับมือพันธมิตรเปิดตัวโปรโตคอล Proof of Humanity ยืนยันตัวตนผ่านฝ่ามือ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

หลังจากความพยายามในการพัฒนาระบบยืนยันตัวตนแบบ Proof of Humanity (PoH) ของ WorldCoin (WLD) ล่าสุด Polygon Labs ได้จับมือกับ Animoca Brands และ The Human Institute เปิดตัว “Humanity Protocol” ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ใช้เทคโนโลยีสแกนฝ่ามือ

บัญชี Humanity Protocol บนแพลตฟอร์ม X (เดิมชื่อ Twitter) ประกาศเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ โดยแนบไปกับโพสต์บน Medium ที่น่าสนใจคือ บทความนี้มีข่าวประชาสัมพันธ์ลงวันที่ “20 กุมภาพันธ์ 2023” แม้ว่าจะโพสต์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024


 ข่าวประชาสัมพันธ์การทำโปรโตคอลมนุษย์ ที่มา:โปรโตคอลมนุษย์บน Medium

ภายในเนื้อข่าวประชาสัมพันธ์ยังมีการกล่าวถึง  Polygon Labs และ Animoca Brands ในฐานะพาร์ทเนอร์ของ Human Institute โดย Polygon Labs เป็นผู้พัฒนา Polygon ส่วน Animoca Brands เป็นบริษัท VC ชั้นนำที่มีส่วนร่วมในตลาด crypto อย่างแข็งขัน

Human Institute คือใคร?

ถึงแม้จะมีการกล่าวถึง Human Institute ในฐานะ “องค์กรชั้นนำ” แต่ดูเหมือนว่า Human Institute จะเป็นองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อพัฒนา Humanity Protocol ตามคำอธิบายที่ได้ถูกระบุไว้ในเว็บไซต์ : 

“การเกิดขึ้นของ AI จะส่งผลในวงกว้างต่อมนุษยชาติในทุกๆด้าน ซึ่ง Human Institute  ก็มุ่งมั่นที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับมนุษย์ทุกคนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเงินทุน เรากำลังสร้าง Humanity Protocol ให้เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ป้องกันการโจมตีแบบ Sybil แห่งแรก”

Humanity protocol และระบบยืนยันตัวตนผ่านการแสกนฝ่ามือ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ได้กล่าวถึง  “ระบบการจดจำฝ่ามือ” ของ Humanity protocol ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ปฎิวัติวงการการตรวจสอบ Proof of Humanity 

Yat Siu ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารของ Animoca Brands กล่าวเน้นย้ำว่า:

“เทคโนโลยี Proof-of-Personhood ที่มีอยู่เดิมมักจะรบกวนความเป็นส่วนตัว ซับซ้อน หรือยุ่งยาก แต่ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยโดยใช้ไบโอเมตริก  เพื่อสร้างกลไก “Proof-of-Humanity consensus mechanism” สิ่งนี้จะช่วยให้นำคนนับล้านเข้าสู่โซลูชันการระบุตัวตนดิจิทัลที่ตรวจสอบได้ มันมีการกระจายอำนาจการอย่างแท้จริง และเคารพหลักการของการเป็นเจ้าของดิจิทัล ในกระบวนการที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมที่มากขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทุกคน”

– Yat Siu 

ที่มา: finbold