<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Ripple เปิดตัวเหรียญ Stablecoin ของตัวเอง ตั้งเป้าขึ้นมาแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง USDT และ USDC

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ไม่นานมานี้ Ripple บริษัทผู้ออกคริปโตชื่อดังอย่าง XRP ได้ออกมาประกาศว่าพวกเขาเตรียมที่จะออก Stablecoin ของตัวเองที่สนับสนุนมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐ หวังขึ้นมาแข่งขันกับ Circle และ Tether เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดในอีกห้าปีข้างหน้า

David Schwartz ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Ripple ได้ออกมาเปิดเผยว่า Stablecoin ดังกล่าวจะออกโทเค็นขึ้นไปบนบล็อกเชนของ XRP Ledger และ Ethereum ทว่าในตอนนี้ยังไม่มีชื่อเรียกโทเค็นดังกล่าว ในขณะที่ Schwartz แนะนำให้เรียกว่า Ripple stablecoin ไปก่อนในตอนนี้

ซึ่ง Schwartz ได้เปิดเผยว่า Ripple ได้มีแนวคิดที่จะเปิดตัวเหรียญ Stablecoin มานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ซึ่งตัวเขาเชื่อว่าระบบนิเวศของเหรียญ Stablecoin ที่มีอยู่นั้นไม่ได้มีความหลากหลายและแข็งแกร่งเท่าที่ควร รวมถึงมูลค่าปัจจุบันของตลาด Stablecoin ในปัจจุบันยังมีโอกาสมากพอสำหรับผู้เล่นรายใหญ่อีกราย

“เราคิดว่าจะมีตลาด Stablecoin จะมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 และในตอนนี้มีเพียงผู้นำตลาดเพียงสองคนเท่านั้น เราไม่คิดว่ามันจะเป็นระบบนิเวศแบบผู้ชนะได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน DeFi

โดยเหรียญ Stablecoin ของ Ripple จะถูกตรึงไว้ที่อัตราส่วน 1:1 กับดอลลาร์สหรัฐ และทางบริษัทวางแผนที่จะสำรองโทเค็นด้วยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐ คลังรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น และสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดอื่น ๆ ที่พร้อมที่จะขึ้นมาแข่งขันกับ USD Coin ของ Circle

นอกจากนี้ สินทรัพย์สำรองให้กับ Ripple นั้นจะได้รับการตรวจสอบจากสำนักงานบัญชีบุคคลที่สาม รวมถึงพร้อมที่จะเผยแพร่เอกสารสินทรัพย์สำรองรายเดือนด้วย ซึ่ง Schwartz เปิดเผยว่าเหรียญของพวกเขาสามารถเปรียบเทียบได้กับ Tether ในช่วงแรกๆ ที่มีนักวิจารณ์ออกมาแสดงความไม่ไว้วางใจ

“ในตอนที่ Tether เปิดตัวครั้งแรก ข้อกังวลส่วนใหญ่ก็คือนักลงทุนจะสูงเงินของพวกเขาไปทั้งหมดหรือไม่เพราะพวกเขามีแรงจูงใจอย่างมากที่จะทำเช่นนั้น อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นาน ‘คุณก็แบบว่า เดี๋ยวก่อน คนพวกนี้มีธุรกิจระยะยาว’”

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Ripple กล่าวเพิ่มเติมว่าการเปิดตัว Stablecoin ใหม่นี้จะสามารถดึงดูดเงินได้หลายพันล้าน หรืออาจหลายหมื่นล้านดอลลาร์จากตลาดคริปโตได้ ด้วยความน่าเชื่อถือ ประวัติการทำงาน และงบดุลที่แข็งแกร่ง

ที่มา: Cointelegraph