Ripple คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด Stablecoin จะเพิ่มขึ้นแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2571 และบริษัทมีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับ USDC และ USDT โดยมีแผนเปิดตัวเหรียญ Stablecoin ของบริษัทเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดเหรียญ Stable Coin ภายในระยะเวลา 5 ปี
David Schwartz ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Rippl กล่าวว่า “ปัจจุบันเรายังไม่ได้ตกลงกันว่าสัญลักษณ์เหรียญ Stable Coin จะเป็นอะไร และเราจะเรียกมันว่าอะไร? พวกคุณอาจต้องเรียกมันว่า Ripple stablecoin ไปก่อนในเวลานี้”
Ripple ได้มีการระดมความคิดเรื่อง Stablecoin มานานกว่า 1 ปีแล้ว โดยคุณ David Schwartz มองว่าระบบ Stablecoin ปัจจุบันยังขาดความหลากหลาย ด้วยมูลค่าตลาด Stablecoin ทั่วโลกที่ทะยานแตะ 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ คุณ Schwartz ชี้ว่านี่คือโอกาสทอง สำหรับผู้เล่นรายใหญ่หน้าใหม่!
ทั้งนี้เขากล่าวว่า “เราคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด Stablecoin จะพุ่งทะยานเกิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งตอนนี้มีเพียง 2 ผู้เล่นหลักครองตลาดอยู่ แต่เราไม่คิดว่าตลาดนี้จะมีผู้ชนะเพียงรายเดียว โดยเฉพาะในแง่ของ DeFi”
เหรียญ Stablecoin ของ Ripple จะมีมูลค่าอ้างอิงผูกอยู่กับดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 1:1 โดยบริษัท Ripple มีแผนที่จะสำรองมูลค่าของ Stable coin ด้วยเงินฝากดอลลาร์สหรัฐฯ ,พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น และ สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดประเภทอื่นๆ
Schwartz กล่าวว่า “Ripple มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติตามกฎระเบียบ เหมือนกับ Circle และมีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับ USD Coin”
สินทรัพย์สำรองที่หนุนหลังสกุลเงินดิจิทัลของ Ripple จะได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทบัญชีจากภายนอก เพื่อให้เกิดความโปร่งใส นอกจากนี้ Ripple จะเผยแพร่ผลการรับรองการตรวจสอบเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน
CTO ของ Ripple กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดตัว Stablecoin ใหม่ที่ดึงดูดเงินทุนหลายร้อยล้าน พันล้าน หรือหมื่นล้านดอลลาร์ ย่อมมีความกังวลเรื่องความโปร่งใสกันทั้งสิ้น บริษัท XRP จึงอาศัยความน่าเชื่อถือ รวมถึงประวัติการทำงานในวงการนี้ และฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพื่อส่งตัวเองเข้าสู่ตลาด Stable coin ให้สำเร็จ
Schwartz กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเราเป็นผู้เล่นคนสำคัญในตลาดที่มีสิทธิ์ลุ้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของตลาดนี้ อีกสองปีข้างหน้าต่อให้เราทำได้เพียงการอยู่อันดับที่ 3 แต่ถ้าขนาดของตลาดเติบโตขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบัน ก็ถือเป็น 1 ในการประสบความสำเร็จของ Ripple เช่นเดียวกัน”
ที่มา: cointelegraph