ข้อมูลจาก JPMorgan ระบุว่า ตลาดสกุลเงินดิจิทัลกำลังได้รับผลกระทบจากการขาดตัวเร่งปฏิกิริยาที่เป็นบวก หลังจากที่เงินทุนไหลเข้า ETF หมดลง
ในเวลาเดียวกัน นักวิเคราะห์ของธนาคารอ้างถึงตำแหน่งที่สูงขึ้น การระดมทุนของธุรกิจร่วมลงทุน (VC) ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ และต้นทุนการผลิตในปัจจุบัน เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักที่ตกต่ำซึ่งมีส่วนทำให้เกิดแรงกดดันในการขายอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่เดือนที่แล้ว JPMorgan คาดการณ์ว่า Bitcoin halving จะเกิดขึ้น ส่งผลให้มีการคาดการณ์เชิงบวก
ย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ มีการกล่าวว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดอาจร่วงลงเหลือเพียง 42,000 ดอลลาร์หลังจากเหตุการณ์ Halving แต่ JPMorgan ยังคาดการณ์ด้วยว่าต้นทุนการผลิตของเหรียญหนึ่งเหรียญจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าโดยประมาณ
ในช่วงเวลานั้น Mike Novogratz ผู้สนับสนุน Bitcoin ยังได้เตือนว่าตลาด Bitcoin กำลังเกิดฟองสบู่ เนื่องจากราคาของ Bitcoin พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบันที่ 73,737 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม และจบด้วยแท่งเทียนสีเขียวติดต่อกัน 8 แท่ง อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับฐานอย่างมากในเดือนเมษายน และจากนั้นก็ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากการไหลออกของ ETF และความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาค ปัจจุบันราคา Bitcoin มีการฟื้นตัวเล็กน้อยโดยที่ปัจจุบันมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 59,110 ดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin ที่มีมายาวนานของเขา โดยเขายังคงเรียก Bitcoin ว่าเป็น “การฉ้อโกง” และ “โครงการแชร์ลูกโซ่” นอกจากนี้เขายังคาดการณ์ว่า Bitcoin ไม่สามารถยืนหยัดได้ในฐานะสกุลเงิน แต่ในขณะเดียวกัน เขายังคงมองเห็นคุณค่าบางอย่างในเทคโนโลยี บล็อกเชน
ที่มา: u.today