Rostin Behnam ประธานคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐฯ (CFTC) ได้ออกมาคาดการณ์ว่า หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศจะยังคงคงปราบปรามบริษัทสกุลเงินดิจิทัลตลอดไป ตราบใดที่ตลาดยังสามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนได้
โดยเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา Behnam ได้ออกมาพูดในการประชุมระดับโลกในปี 2024 ว่า แม้ตลาดคริปโตจะเคยมีเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นในปี 2022 จนทำให้ตลาดตกต่ำและบริษัทหลายแห่งประกาศล้มละลาย แต่ตลาดจะยังคงยังคงเติบโตและดึงดูดนักลงทุนและผู้ประกอบการได้ต่อไป
ซึ่งตัวเขา เชื่อว่าถ้าหากตลาดคริปโตสามารถความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น CFTC หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ก็จะยังคงดำเนินคดีฟ้องร้องบริษัทคริปโตแบบนี้ต่อไป
“เราอาจจะได้เห็นวงจรการดำเนินการบังคับใช้อีกครั้งในอีก 6 ถึง 18 เดือนหรือถึง 24 เดือนข้างหน้า เนื่องจากวงจรการแข็งค่าของสินทรัพย์และดอกเบี้ยของนักลงทุนรายย่อย … หากไม่มีกรอบการกำกับดูแลที่ปราศจากความโปร่งใส และไม่มีเครื่องมือที่เราใช้เป็นหน่วยงานกำกับดูแล คุณจะยังคงเห็นการฉ้อโกงและการจัดการในตลาดคริปโตแบบนี้ต่อไป”
Behnam ยังได้กล่าวอีกว่า ตัวเขาเห็นด้วยกับการที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ บังคับให้บริษัทคริปโตเข้าสู่กรอบการกำกับดูแล โดยตัวเขามองว่ามันเป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
อ้างอิงจากรายงานของ Cornerstone Research ที่เผยแพร่ในเดือนมกราคมชี้ว่า คดีบังคับใช้ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตที่ยื่นโดย SEC ในปี 2023 นั้น มีจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 โดยหน่วยงานกำกับดูแลมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณากับบริษัทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Kraken, Binance Coinbase และการประกาศ Wells ล่าสุดของ Robinhood ด้วย
นอกจากนี้ กว่าหนึ่งในสามของการบังคับคดีทั้งหมดที่ CFTC ดำเนินการกับบริษัทคริปโตนั้นเกิดขึ้นแค่ในปี 2023 เท่านั้น โดยรายงานในเดือนพฤศจิกายนเผยว่าทาง CFTC ได้ดำเนินคดีไปแล้วกว่า 47 ครั้ง รวมถึงคดีชื่อดังของอดีต CEO FTX Sam Bankman -Fried และอดีต CEO ของเซลเซียส Alex Mashinsky อีกด้วย
ที่มา: Cointelegraph