ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ยื่นฟ้องนาย Ian Balina ซึ่งเป็น Crypto influencer ในข้อหาไม่จดทะเบียนหลักทรัพย์ ก่อนเปิดระดมทุน ICO ในปี 2018
ทาง ก.ล.ต. อ้างว่ามีสิทธิที่จะฟ้อง Balina เพราะในกรณีเป็นการระดมทุน ICO ในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ถึงอย่างนั้น โดยพื้นฐานแล้วเครือข่าย Ethereum ทั้งหมดก็ได้ตกอยู่ภายใต้ขอบเขตของรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่แล้ว
ในการฟ้องร้องคดี หน่วยงานกำกับดูแลตั้งข้อสังเกตว่า การระดมทุน ETH ที่ถูกส่งไปยัง Balina นั้นถูก “ตรวจสอบโดยเครือข่ายของโหนดบน Ethereum blockchain ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกามากกว่าในประเทศอื่น ๆ” จึงทำให้ ก.ล.ต. มีข้อสรุปว่า: “ธุรกรรมเหล่านั้นเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา”
ซึ่งตามข้อมูลของ Etherscan พบว่าในปัจจุบัน 45.85% ของโหนด Ethereum ทั้งหมดทำงานในสหรัฐอเมริกา รองลงมาอยู่ที่เยอรมันคิดเป็นสัดส่วนเพียง 19% เท่านั้น
Brian Fyre ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้กล่าวว่า “การช่วยให้ [ก.ล.ต.] สามารถกำหนดลักษณะการทำธุรกิจบน Ethereum blockchain ได้เช่นเดียวกับการทำธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ นั้น “ต้องยอมรับว่ามันทำให้สิ่งต่าง ๆ ด้านกฏระเบียบง่ายขึ้นมาก”
หากสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถจำแนกกิจกรรมบน Ethereum ได้สำเร็จเหมือนกับ ตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกา มันจะเทียบกับว่า หน่วยงานกำกับดูแลสามารถอ้างสิทธิ์ในเขตอำนาจศาลเหนือกิจกรรมทั้งหมดบนเครือข่าย Ethereum ซึ่งจะเป็นการยกระดับบทบาทที่สำคัญของ SEC ในการดูแลทั้งเครือข่าย Ethereum รวมถึง NFT และ DeFi
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น ก.ล.ต. วางแผนมาก่อน เพื่อที่จะเข้าใจระบบนิเวศของ Ethereum ว่ามันทำงานอย่างไร และเหตุใดจึงคิดว่ามันอยู่ในขอบเขตของสิ่งที่ SEC กำหนด” เขากล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต. กล่าวเป็นนัยว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้เครือข่าย Ethereum เข้าใกล้คำ ปลอดภัย ในสายตาของรัฐบาลมากขึ้น
ตามคำให้การต่อหน้าคณะกรรมการการธนาคารวุฒิสภา Gensler ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับวิธีตีความของ “การ Stake” ว่าเป็นสินทรัพย์มีคุณสมบัติเป็นหลักทรัพย์ภายใต้การทดสอบ Howey Test แม้ว่าจะไม่ได้มีการระบุชื่อสกุลเงินดิจิทัลหรือเครือข่ายใดแบบฉพาะก็ตาม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ก.ล.ต. ยังไม่ได้แสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเครือข่าย Ethereum แม้ว่าจะมีผู้นำในคณะกรรมาธิการภายใต้การบริหารก่อนหน้านี้แนะนำว่า Ethereum นั้น “มีการกระจายอำนาจเพียงพอ” ดังนั้นจึงไม่ใช่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์
ที่มา : decrypt