หลังจากการอัพเดทครั้งสำคัญที่หลายคนรอคอยมานานในเครือข่าย Ethereum (ETH) proof-of-work ก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการใช้งาน Proof-of-work (PoW) มานาน แค่อย่างไรก็ตาม บางองค์กรได้แสดงความกังวลต่ออนาคตของ Ethereum
หนึ่งในผู้ที่แสดงความกังวลคือ JPMorgan Chase (NYSE: JPM) ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติและบริษัทโฮลดิ้งที่ให้บริการทางการเงินในนิวยอร์ก โดยพวกเขาได้ตีพิมพ์บันทึกการวิจัยซึ่งระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดกับ Ethereum blockchain หลังจากการอัพเกรด The Merge
1 ชุมชน Ethereum เสียงแตก
เมื่อมันเกิดขึ้น ความกังวลหลักของธนาคารคือความเป็นไปได้ที่ The Merge จะทำให้เกิดความแตกแยกในชุมชน Ethereum โดยพิจารณาจากเสียงที่แตกแยกกันในชุมชน ที่อีกกลุ่มหนึ่งถึงกับ hard fork เหรียญแยกออกไปที่ชื่อว่า EthereumPoW (ETHW) โดยพวกเขากล่าวว่าเหรียญนี้เป็นเหมือน Ethereum ที่ยังคงขุดได้อยู่
2 การกระจายอำนาจที่ลดลง
ประการที่สอง JPMorgan ยังแสดงความกังวลว่า The Merge ทำให้ Ethereum blockchain มีการกระจายอำนาจน้อยลง “เนื่องจากมีคนเพียงไม่กี่กลุ่มที่ถือ Ethereum จำนวนมหาศาลและ stake มันไว้”
3 การร่วงลงของราคา
ยิ่งไปกว่านั้น รายงานของสถาบันยังระบุด้วยว่าราคา Ethereum ยังได้ลดลงอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการรวมกันของ “กระแสซื้อตามข่าว ขายตามเหตุการณ์จริง” ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของสินทรัพย์เสี่ยง
อันที่จริงราคาของ Ethereum ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนได้ลดลงประมาณ 20% หลังจาก The Merge โดยปัจจุบันซื้อขายที่ 1,297 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.21% ในวันนี้ แต่ยังคงลดลง 11.78% จากในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ CoinMarketCap
รายงานก่อนหน้านี้เผยว่า ยอดการซื้อขายรวมของ ETH และ BTC futures ใน Chicago Mercantile Exchange (CME) กำลังร่วงแตะจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 โดยปริมาณ Ethereum Futures ลดลง 17.4% ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2022 คิดเป็น 8.99 พันล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan ได้โจมตี Bitcoin (BTC) และ cryptocurrencies โดยทั่วไป โดยเรียกพวกมันว่า “เป็นแชร์ลูกโซ่แบบกระจายอำนาจ”