วิกฤตทางการเงินของประเทศเลบานอนยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากหันมาขุด Bitcoin และใช้ USDT ในการซื้อของท่ามกลางสภาวะการเงินที่ย่ำแย่ภายในประเทศ
วิกฤตทางการเงินของประเทศเลบานอนในปัจจุบันได้เริ่มต้นมาตั้งแต่ 2019 และตั้งแต่นั้นมาความรุนแรงก็ได้ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ประชากรภายในประเทศถูกบังคับให้แสวงหาความมั่นคงทางการเงินโดยใช้ Cryptocurrency
ปอนด์เลบานอน ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศได้สูญเสียค่าเงินไปแล้วมากกว่า 95% นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2019 และสื่อ CNBC ได้รายงานว่า ค่าแรงขั้นต่ำของประเทศก็ได้ลดลงจาก 450 ดอลลาร์เหลือเพียง 17 ดอลลาร์
นาย Georgio Abou Gebrael สถาปนิกวัย 27 ปีจากหมู่บ้าน Beit Mery ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองหลวงเบรุต โดยเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่เปลี่ยนมารับรายได้ด้วย Bitcoin แทนการรับด้วยเงิน Fiat โดยเขากล่าวว่า 50% ของรายได้มาจากงาน Freelance และรายได้ของเขา 90% รับเป็น Bitcoin
การใช้การโอนเงินผ่านธนาคารระหว่างประเทศเพื่อรับเงินจากลูกค้าทำให้เขาต้องเสียค่าใช้บริการจำนวนมากจากการแลกเงินดอลลาร์ไปเป็นเงินปอนด์เลบานอน โดยเขากล่าวว่า
“ผมจะเสียเงินไปประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้ และนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรับชำระเงินเป็น Bitcoin ซึ่งมันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรับเงินจากต่างประเทศ”
การใช้ชีวิตในประเทศที่ระบบการเงินพังทำให้ชาวเลบานอนจำนวนมากต้องหันมาใช้ Cryptocurrency ในชีวิตประจำวันแทนการใช้สกุลเงิน Fiat
นาย Gebrael ได้เสริมว่า
“Bitcoin ให้ความหวังแก่พวกเราจริง ๆ ผมเกิดในหมู่บ้านของผมและใช้ชีวิตที่นี่มาทั้งชีวิต และ Bitcoin ช่วยให้ผมใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปได้”
แม้ว่าระบบธนาคารของประเทศจะพัง แต่ในปี 2020 เลบานอนได้มีการเปิดเผยแผนการที่จะนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมันในธนาคาร และทำให้ประเทศก้าวไปสู่สังคมไร้เงินสด แต่อย่างไรก็ตาม โปรเจ็ค CBDC ของประเทศก็ยังไม่มีการเปิดตัว
สื่อ Fitch Solutions ได้วิเคราะห์ว่า ในเดือนสิงหาคม เศรษฐกิจของประเทศเลบานอนก็ยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดยในปีนี้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงถึง 178% ในปีนี้ โดยเมื่อปีที่แล้วประเทศเลบานอนมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 154.8% โดยสูงเป็นอันดับสองรองของโลกรางจากประเทศซูดาน
Soruce: Cryptonews