<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

นักวิเคราะห์ชี้ ! 17,300 ดอลลาร์จะกลายเป็นเป้าหมายต่อไปของ Bitcoin หลังราคาพุ่งทะลุ $19,000

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ราคา Bitcoin ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดเกือบ 19,000 ดอลลาร์หลังจากเริ่มต้นปี 2023 เนื่องจากนักเทรดมืออาชีพส่วนใหญ่ใช้ Leverage เพื่อปั๊มราคา แต่ข้อมูลของตลาด Future ต่อไปนี้ได้บ่งชี้แล้วว่าราคา Bitcoin อาจร่วงกลับไปที่ retest ที่ระดับ 17,300 ดอลลาร์อีกครั้ง

Bitcoin ราคาเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 13 วันที่ผ่านมา และในช่วงเวลานี้ นักเทรดที่ลงทุนในสัญญา BTC Future ได้ถูกล้างพอร์ตไปกว่า 530 ล้านดอลลาร์แล้ว และการที่ราคาพุ่งแตะ 19,000 ดอลลาร์ในวันที่ 12 มกราคม ถือได้ว่าราคา Bitcoin ได้ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่กระดานเทรด FTX ล่มสลายเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน

ทั้งนี้ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกา (CPI) ในเดือนธันวาคม ซึ่งตรงกับฉันทามติที่ 6.5% แบบปีต่อปี โดยเน้นย้ำว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงสุดที่ 9% ในเดือนมิถุนายน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 11 มกราคม Andy Dietderich ทนายความของ FTX ยังกล่าวเปิดเผยว่าเงินสดและสภาพคล่อง Crypto มูลค่ากว่า 5 พันล้านดอลลาร์ได้รับการกู้คืนแล้ว ซึ่งคำกล่าวนี้ได้เติมเต็มความหวังในการกู้คืนเงินบางส่วนให้กับลูกค้าในอนาคต ทั้งนี้ Dietderich ยังกล่าวกับผู้พิพากษาศาลล้มละลายสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 11 มกราคมว่า บริษัทมีแผนที่จะขายเงินลงทุนมูลค่ากว่า 4.6 พันล้านดอลลาร์อีกด้วย

อัตราการใช้มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้นเมื่อราคา Bitcoin ยืนเหนือ 18,300 ดอลลาร์

ตลาดมาร์จิ้นเผยข้อมูลเชิงลึกว่า นักเทรดมืออาชีพมีทิศทางการวางตำแหน่ง Position ของพวกเขาอย่างไร โดยมาร์จิ้นนั้นมีประโยชน์ต่อนักลงทุนบางราย เพราะสิ่งนี้ช่วยให้พวกเขากู้ยืม Crypto เพื่อเพิ่มเงินทุนในพอร์ตของตนเองได้ให้เพิ่มสูงขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถเพิ่มความเสี่ยงได้โดยการกูยืมเหรียญ Stablecoin เพื่อนำมาซื้อ Bitcoin ในทางกลับกัน ผู้ยืม Bitcoin จะสามารถเปิด Short Crypto ได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามองว่าราคาของมันจะร่วงลดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างกับสัญญาฟิวเจอร์ส เนื่องจากความสมดุลระหว่าง Margin Long และ Shorts จะไม่ตรงกันเสมอไป

กราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่าอัตราส่วนการยืมมาร์จิ้นของนักเทรด OKX เพิ่มสูงขึ้นในวันที่ 11 มกราคม ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่านักเทรดมืออาชีพเพิ่ม Leverage Long เมื่อ Bitcoin ทะยานขึ้นสู่ระดับ 18,300 ดอลลาร์

ที่สำคัญกว่านั้น การปรับฐาน 2% ที่ตามมาในวันที่ 12 มกราคม จนทำให้ Bitcoin ร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ 17,920 ดอลลาร์นั้น ถือเป็นการกลับตัวของมาร์จิ้นอย่างสมบูรณ์ ซึ่งหมายความว่าเจ้ามือและผู้ดูแลสภาพคล่องได้ทำลายตลาดกระทิงโดยใช้ตลาดมาร์จิ้น

ปัจจุบัน ตัวชี้วัดสนับสนุนการยืม Stablecoin ด้วยอัตรากำไรที่สูง ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนสายหมีไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเปิด Margin Short กับ Bitcoin ในช่วงนี้

นักเทรดฟิวเจอร์สไม่สนใจเพิ่มลอเวลเรจ

indicator ‘long-to-short’ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่รวบรวมข้อมูลจาก position ของนักลงทุนบนเว็บเทรด ณ จุดหนึ่ง ๆ นั้น บ่งชี้ว่า ในช่วงนี้  นักเทรดฟิวเจอร์สไม่สนใจเพิ่มลอเวลเรจในช่วงนี้

แม้ว่า Bitcoin จะสามารถทะลุแนวต้านที่ 18,000 ดอลลาร์ขี้นมาได้ แต่นักเทรดมืออาชีพก็ยังคงสามารถรักษา position long เอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ตามข้อมูลจาก indicator long-to-short

ยกตัวอย่างเช่น อัตราส่วน long-to-short สำหรับนักเทรด Binance นั้นคงที่ในระดับ 1.08 มาตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมถึง 12 มกราคม ในขณะเดียวกัน นักเทรดชั้นนำที่ Huobi ลด Leverage Long เมื่อ indicator ‘ long-to-short’ ย้ายจาก 1.09 เป็น 0.91 และสุดท้ายที่ เว็บเทรด OKX มีค่า long-to-short เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยขยับจาก 0.95 เมื่อวันที่ 9 มกราคมเป็น 0.97 ในปัจจุบัน

จากข้อมูล ดูเหมือนว่านักเทรดที่ใช้สัญญาฟิวเจอร์สไม่มั่นใจพอที่จะเพิ่ม Leverage ใน Long position แม้ว่าราคา Bitcoin จะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม

ราคา Bitcoin มีโอกาสร่วงกลับไปที่ 17,300 ดอลลาร์อีกครั้ง

ในขณะที่ข้อมูลมาร์จิ้นแสดงให้เห็นว่ามีการใช้ Leverage จำนวนมากเพื่อผลักดันให้ราคา Bitcoin สูงกว่า 18,000 ดอลลาร์ ทว่าสถานการณ์นี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เป็นไปได้ว่านักเทรดมืออาชีพเหล่านั้นจะฝากเงินมาร์จิ้นมากขึ้น และลด Leverage ลงหลังจากช่วงการเก็งกำไร ตัวชี้วัดนั้นดูดีเพราะบ่งชี้ว่าตลาดมาร์จิ้นไม่ได้มีการแห่ซื้อมากจนเกินไป

สำหรับนักเทรด long-to-short การไม่มีความต้องการใช้ Leverage Long โดยใช้สัญญาฟิวเจอร์สนั้นค่อนข้างน่ากังวล แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เหลือที่ว่างสำหรับกำลังซื้อเพิ่มเติม

จากมุมมองของตลาดฟิวเจอร์ส หาก Bitcoin จะกลับมาที่ราคา 17,300 ดอลลาร์อีกครั้ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ส่งผลกระทบกับตลาดกระทิงมากนัก เนื่องจาก indicator ของตลาดฟิวเจอร์สมี demand เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากนักเทรดสาย Short ที่ต้องการเทขายสินทรัพย์ และไม่มีการใช้ Leverage ที่มากเกินไปจากฝั่งผู้ซื้อ

บทความนี้เป็นเพียงบทความการวิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์จากทาง cointelegraph เท่านั้น ทางสยามบล็อกเชนไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนให้เกิดการลงทุน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้

คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

ที่มา: cointelegraph