ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements หรือ BIS) พบว่านักลงทุนรายย่อยได้ Buy The Dip เป็นจำนวนมากในช่วงที่เกิดวิกฤตในปี 2022
รายงานล่าสุดโดย ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank for International Settlements หรือ BIS) เปิดเผยว่าตลาดคริปโตสูญเสียเงินไปกว่า 6.5 แสน้ลานดอลลาร์หลังจากเกิด 2 เหตุการณ์ที่เขย่าตลาดเมื่อปีที่แล้ว
รายงานหัวข้อ “Crypto Shocks and Retail Losses” ได้ออกมาวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุนในระหว่างและหลังช่วงที่เกิดเรื่อง, กำไรขาดทุนของพวกเขา, และผลกระทบจากความวุ่นวายของตลาดคริปโตในระบบการเงินทั่วโลก
นักลงทุนรายย่อย Buy The Dip
เมื่อปีที่แล้วตลาดคริปโตได้เผชิญกับเหตุการณ์เลวร้ายมากมายที่ทำให้หลายบริษัทต้องล้มละลาย ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์
เหตุการณ์ดังกล่าวคือเหตุการณ์การล่มสลายของ Terra-Luna Ecosystem ซึ่งมีมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม และจากข้อมูลของ BIS พบว่าจากเหตุการณ์นั้นทำให้มูลค่าตลาดคริปโตหายไปกว่า 4.5 แสนล้านดอลลาร์
ประมาณ 6 เดือนต่อมา กระดานเทรด FTX ซึ่งเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกก็ได้ล้มละลายลง ทำให้มูลค่าตลาดคริปโตหายไปกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์
BIS ยังพบว่า มีผู้ใช้งานรายวันบนกระดานเทรดคริปโตเพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนพยายามที่จะปรับพอร์ตของตนเอง และพวกเขาพยายามที่จะหนีห่างจากเหรียญที่กำลังมีปัญหา
ในขณะที่นักลงทุนรายใหญ่เทขายเหรียญต่าง ๆ นักลงทุนรายย่อยได้ทำการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นและได้ Buy The Dip และจากข้อมูลของ BIS นักลงทุนรายใหญ่ “อาจจะเทขายเหรียญของตัวเองให้กับนักลงทุนรายย่อย”
ผลกระทบต่อระบบการเงินในวงกว้าง
นอกจากนี้ในรายงานยังเปิดเผยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดคริปโตไม่ได้ส่งผลอะไรต่อระบบการเงินทั่วโลก โดยทาง BIS ได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมคริปโตส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเนื่องจากการยอมรับในตลาดคริปโตที่ยังน้อย
ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันต่างเสียเงินจำนวนมากให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุตสาหรกรรมคริปโต แต่ระบบการเงินแบบดั้งเดิมยังคงไม่ได้รับผลกระทบ โดยทาง BIS ได้เสริมว่า
“จากการวิเคราะห์ของเรายังชี้ให้เห็นว่าการร่วงอย่างรุนแรงของตลาดคริปโตไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลกจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามหากตลาดคริปโตเชื่อมโยงกับระบบการเงินแบบดั้งเดิมและเศรษฐกิจทั่วโลกมากขึ้น ผลกระทบโดยรวมอาจจะรุนแรงกว่านี้มาก”
Source: CryptoPotato