<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

CEO ของ Ripple กล่าวว่าอเมริกาจะยอมรับคริปโตช้ากว่าประเทศอื่น ๆ 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

นาย Garlinghouse เชื่อว่าประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ กำลังเดินไปในทางที่ถูกต้องในการยอมรับคริปโตด้วยการสร้างกฏระเบียบที่ชัดเจน

นาย Brad Garlinghouse CEO ของบริษัท Ripple คิดว่าสหรัฐอเมริกาจะยอมรับคริปโตช้ากว่าประเทศอื่น ๆ เนื่องจากยังไม่มีกฏระเบียบด้านคริปโตที่แน่นอน

เขาเปรียบเทียบศักยภาพของมันกับอินเทอร์เน็ต โดยได้ชี้ให้เห็นว่าอเมริกายอมรับอินเทอร์เน็ตในช่วงทศวรรษที่ 1990 แม้ว่ายังไม่เห็นประโยชน์ของเทคโนโลยีนี้แน่ชัดในตอนนั้น

สหรัฐฯ กำลังถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Bloomberg เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Garlinghouse บอกว่าประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อังกฤษ และสวิตเซอร์แลนด์ ได้กำหนดกฎเกณฑ์ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับคริปโตแล้ว ทำให้นักลงทุนและผู้ประกอบการสามารถดำเนินกิจการต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น และเขาได้บอกว่า

“มีหลายประเทศที่ใช้เวลาและใช้ความรอบคอมในการสร้างกฏระเบียบที่ชัดเจน”

โดยเขาได้บอกเพื่อแนะนำให้รัฐบาลอเมริกันโดยเฉพาะ ก.ล.ต. ทำเช่นกันเดียว เพื่อไม่ได้นักลงทุนหายไปจากประเทศ

นาย Garlinghouse เปรียบเทียบศักยภาพของมันกับอินเทอร์เน็ต โดยได้ชี้ให้เห็นว่าอเมริกายอมรับอินเทอร์เน็ตในช่วงทศวรรษที่ 1990 และจากการตัดสินใจนั้นทำให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

“การตัดสินใจในครั้งนั้น ทำให้สหรัฐเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ Amazons และบริษัท Goolge หลายแห่งทั่วประเทศ”

เขาคิดว่าคิดว่ากรอบกำกับดูแลคริปโตที่ดีควรมุ่งเน้นไปที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นหลัก และแนะนำให้สำนักงาน SEC เลิกทำตัวเป็น “ค้อน” และมองทุกอย่างเป็น “ตะปู” และควรคิดได้แล้วว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะเป็นหลักทรัพย์

“สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่หลักทรัพย์เสมอไป บางอย่างมันใช้เป็นสกุลเงิน”

ก่อนหน้านี้นาย Gary Gensler ประธาน SEC ได้ออกมาบอกว่า “ทุกอย่างที่ไม่ใช่ Bitcoin เป็นหลักทรัพย์” ทำให้เขาคิดว่าการทำธุรกรรมทุกอย่างในโลกคริปโตที่ไม่ใช่ Bitcoin ควรได้รับการตรวจสอบและถูกดูแลโดยหน่วยงานต่าง ๆ

คดีความของ SEC กับ Ripple จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหรกรรมคริปโต

สำนักงาน SEC ได้ยื่นฟ้องบริษัท Ripple ในปี 2020 โดยได้กล่าวหาเหรียญ XRP ว่าเป็นหลักทรัพย์ และกล่าว Ripple และผู้บริหารอีกสองคนว่าทำการระดมทุนเงินกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ผ่าน “สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์และไม่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย” จากนักลงทุนในช่วงต้นปี 2013 และในขณะที่การต่อสู้ดังกล่าวยังไม่ได้บทสรุป นาย Garlinghouse ก็ได้เชื่อว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็น “จุดเปลี่ยนที่สำคัญ” สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต

“คดีความระหว่าง SEC และบริษัท Ripple ไม่ได้เกี่ยวแค่เฉพาะบริษัท Ripple หรือเหรียญ XRP เท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมคริปโต และเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าสำนักงาน SEC จะเล่นงานและโจมตีโลกคริปโตอย่างไร”

นาย Garlinghouse ให้ความเห็นว่าวิธีการของหน่วยงานกำกับดูแลนั้นไม่ถูกต้อง ควรปล่อยให้เทคโนโลยีเติบโตไปพร้อมกับการรับประกันความปลอดภัยสูงสุดสำหรับนักลงทุน

Source: CryptoPotato