จำนวนกระเป๋าเงิน e-Naira เพิ่มขึ้นมากกว่า 12 เท่าเป็น 13 ล้านใบนับตั้งแต่เดือนตุลาคมรวมทั้งมีมูลค่าการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นมากกว่า 63% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประชาชนในไนจีเรียกำลังให้ความสนใจกระเป๋าเงินดิจิทัลจาก CBDC มากยิ่งขึ้นแม้ว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาการขาดแคลนเงินสดตามรายงานของ Bloomberg เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ตาม
แม้ว่าหน่วยงานด้านกฎหมายของไนจีเรียจะมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการยอมรับ e-Naira ของประเทศแต่ก็ยังมีงานสำคัญที่ต้องทำเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงแนวทางปฏิบัติทางการเงินในประเทศ
ตามข้อมูลที่เผยแพร่กระเป๋าเงินดิจิทัล e-Naira มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 62% เป็น 2.2 หมื่นล้าน Naira หรือประมาณ 48 ล้านดอลลาร์ ตามคำแถลงของ Godwin Emefiele ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งไนจีเรียระหว่างการแถลงข่าว CBDC ที่เปิดตัวในช่วงเดือนตุลาคม 2021
ที่ผ่านมาไนจีเรียประสบปัญหาขาดแคลนเงินสดจำนวนมากเนื่องจากธนาคารกลางกำลังเริ่มเปลี่ยนธนบัตรเก่าเป็นธนบัตรใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้เงินหมุนเวียนลดลงเหลือเพียง 1 ล้านล้าน Naira จาก 3.2 ล้านล้าน Naira หรือราว 28% เท่านั้น
เกือบ 18 เดือนหลังจากการเปิดตัว e-Naira ชาวไนจีเรียได้เริ่มใช้ CBDC เป็นจำนวนมากเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสกุลเงินดั้งเดิมที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการขาดเงินสดอย่างเฉียบพลันเป็นผลมาจากการตัดสินใจของธนาคารกลางที่จะแทนที่ธนบัตรเก่าก็เกิดขึ้นท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศต้องดิ้นรนเพื่อเข้าถึงเงินในเส้นทางอื่น ๆ เช่น e-Naira
CBDC เสนอวิธีการจัดการกับปัญหาทางการเงินด้วยเศรษฐกิจแบบเงินตรา ซึ่งรวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและเสริมสร้างกิจกรรมต่อต้านการฟอกเงิน ตามคำแถลงของ Emefiele กล่าวว่า e-Naira เป็นทางเลือกที่มีแนวโน้มสำหรับประชาชนในฐานะช่องทางการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการรวมทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม e-Naira ไม่ใช่ทางเลือกที่ตรงไปตรงมาของประชาชนเนื่องจากประเทศไนจีเรียกำลังมีเศรษฐกิจนอกระบบมูลค่ามากกว่า 2.2 แสนล้านดอลลาร์ อีกทั้ง e-Naira ยังไม่เป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าอีกด้วย