<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

สถิติเผย หาก Bitcoin ปิดแท่งรายเดือนเขียวติดต่อกันครบ 4 แท่ง ปีหน้าราคาจะพุ่งขึ้นเฉลี่ย 260%

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Bitcoin อาจสามารถปิดแท่งรายเดือนด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 หลังจากที่ได้รับกำไรในเดือนเมษายน โดยในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Bitcoin สามารถปิดแท่งรายเดือนเมษายนด้วยราคาเพิ่มขึ้นมากถึง 2.5% จนอยู่ที่ประมาณ 29,700 ดอลลาร์ อีกทั้งราคาของเหรียญอื่น ๆ เช่น Ether, Binance Coin และ Cardano ต่างก็เพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน

ตามข้อมูลสถิติย้อนหลังที่รวบรวมโดย Bloomberg แสดงให้เห็นว่า ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ถ้าหาก Bitcoin สามารถปิดแท่งรายเดือนด้วย “สีเขียว” ต่อเนื่องติดกันเป็นเวลา 4 เดือน ราคาของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 260% ในปีถัดมา

ข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ให้เห็นว่าราคา Bitcoin อาจจะเพิ่มขึ้นแบบ “ก้าวกระโดด” จากโซน 30,000 ดอลลาร์ ไปสู่ระดับ 105,000 ดอลลาร์ หรือนับได้ว่าราคาจะดีดตัวขึ้น 80% ในปี 2023

ความช่วยเหลือจากธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ส่งผลให้ราคา Bitcoin ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้งหลังเผชิญกับวิกฤตต่าง ๆ มากมายมาตลอดปี 2022 อีกทั้งการรับรู้ถึงผลกระทบของสกุลเงิน Fiat หลังจากวิกฤตธนาคารของสหรัฐฯ รวมไปถึงการ Halving ที่จะมาถึงในปีหน้า ก็เป็นสิ่งที่จะยังส่งผลดีต่อราคา Bitcoin ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา Standard Chartered Bank, BCA Research และ Bloomberg Intelligence ได้ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้สำหรับราคา Bitcoin ไว้อยู่ที่อย่างน้อย 100,000 ดอลลาร์

“เมื่อสภาพคล่องกลับคืนสู่ตลาด ผมคิดว่าการซื้อขาย Crypto จะยังคงไปได้ดีต่อไป” Christopher Forbes หัวหน้า CMC Invest Singapore กล่าวกับ Bloomberg Television

“วิกฤตภาคการธนาคารเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ช่วยสร้างกรณีการใช้งานหลักของ Bitcoin ขึ้นมาใหม่ในฐานะสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ decentralized, trustless และขาดแคลน” Geoff Kendrick หัวหน้าฝ่ายวิจัย Crypto และ EM FX West ของ Standard Chartered กล่าว

ขณะเดียวกัน Jamie Douglas Coutts จาก Bloomberg Intelligence ยังกล่าวด้วยว่าถ้าหากเม็ดเงิน 1% ของมูลค่าตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกไหลเข้า Bitcoin ก็อาจสามารถช่วยผลักดันราคา Bitcoin ให้พุ่งสูงขึ้นได้ถึง 185,000 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม จากรายงาน Correa-Ossa ของ BCA ระบุว่า Bitcoin และโลก Crypto ที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่าง ๆ จากการปราบปราม Crypto ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งภัยคุกคามระยะสั้นก็อาจมาจากการที่นักเทรด “ลดความคาดหวัง” ในนโยบายของ Fed ที่เป็นมิตรกับ Crypto มากกว่าเดิม

“ตลาด Crypto ก็มีวัฏจักรเช่นกัน โดยในอดีตตลาด Crypto ได้รับแรงผลักดันจากปัจจัยโดยเฉพาะของ Crypto แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกต่อไป เพราะตลาด Crypto ในตอนนี้มีตัวขับเคลื่อนหลายตัวที่จะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่เปิดตลาดให้กับกลุ่มการลงทุนใหม่ ๆ” Noelle Acheson ผู้เขียนจดหมายข่าว Crypto Is Macro Now กล่าว

ที่มา: fortune