<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘DEA’ พลาดท่าให้กับนักต้มตุ๋น ถูกหลอกโอน USDT สูญเงินร่วมกว่า 17 ล้านบาท

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา DEA หรือ  สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐฯ ถูกนักต้มตุ๋นคริปโตหลอกโอนเงินคริปโต ส่งผลให้หน่วยงานสูญเงินคริปโตมูลค่ากว่า 5 หมื่นดอลลาร์ที่ยึดจากการสอบสวนคดีฟอกคริปโตจากยาเสพติด

ในเดือนพฤษภาคม DEA สามารถยึดเงินผิดกฎหมายได้กว่า 5 แสนดอลลาร์ใน Tether ( USDT) เหรียญคริปโตที่เกี่ยวข้องกับสองบัญชี Binance ซึ่งต้องสงสัยว่า ถูกใช้ในการซื้อขายยาเสพติด และเงินดังกล่าวถูกยึดไว้ในบัญชีที่ควบคุมโดย DEA และจัดเก็บไว้ในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์วอเล็ทของ Trezor 

ในขณะเดียวกันนั้น นักต้มตุ๋นได้เฝ้าติดตามดูธุรกรรมบนบล็อคเชนและสังเกตเห็นว่า DEA ได้ทำการส่งเงินทดสอบจำนวน $45.36 ใน Tether ไปยังกระเป๋าเงิน United States Marshals Service ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการริบทรัพย์สินดิจิทัลตามกระบวนการมาตรฐาน 

นักต้มตุ๋นจึงได้สร้างที่อยู่ Crypto Address ของตน ให้มีอักขระห้าตัวแรกและสี่ตัวสุดท้ายเหมือนกันกับที่อยู่บัญชีของ Marshals หลังจากนั้นก็โอนโทเค็นเข้าสู่บัญชีของ DEA ด้วยที่กระเป๋าคริปโตนั้น เพื่อให้ดูเหมือนเป็นบัญชี Marshals ที่ทำการจ่ายเงินทดสอบให้กับ DEA 

เนื่องจากที่อยู่ Address คริปโตนั้นยาวมาก จนผู้คนมักจะคัดลอกและวาง แทนที่จะตรวจสอบใหม่ แน่นอนว่า DEA ก็พลาดท่าให้กับกลยุทธ์การหลอกลวงรูปแบบด้วยเช่นกัน

หลังจากนักต้มตุ๋นสามารถหลอก DEA ให้ส่งเงินมากกว่า 5.5 หมื่นดอลลาร์ได้สำเร็จ ด้าน Marshals ก็เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น จึงได้แจ้งไปยัง DEA โดยทันที

ต่อมา DEA ได้ติดต่อไปยังผู้ให้บริการ Tether เพื่อทำการอายัดบัญชีของนักต้มตุ๋นที่หลอกเป็น Marshals แต่ก็ไม่ทันการ เจ้าหน้าที่ของ Tether แจ้งว่าเงินได้ถูกโอนออกไปหมดแล้ว

จากการสืบสวนร่วมกับ FBI คาดว่าเงิน 5.5 หมื่นดอลลาร์นี้ได้ถูกแปลงไปเป็น ETH และ Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก่อนจะถูกย้ายไปยังกระเป๋าเงินใบใหม่ 

ที่มา: Forbes