<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ชาวทวิตเป็นคนพบการโกงของ Sam Bankman-Fried: หน่วยงานต่าง ๆ ไม่ทำอะไรเลยจนกระทั่งชาวเน็ตเปิดเผย?

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ มีอยู่หลายเรื่องที่ตัวเอกตามล่าคนร้ายตั้งแต่ต้น หาหลักฐานความผิดทุกอย่างจนจบ ทว่าตัวเอกเหล่านั้นกลับไม่มีอำนาจมากพอที่จะเอาผิดคนร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมหลักฐาน แล้วนำส่งมันให้กับตำรวจ ซึ่งเรื่องราวดังนี้ ก็คือความจริงที่เกิดขึ้นกับ Sam Bankman-Fried เช่นกัน

ถ้าหากเราย้อนรอยการเปิดโปงความผิดทั้งเจ็ดกระทงของชายคนนี้ จะเห็นว่าคนแรกที่เปิดเผยความจริงคือชาวเน็ตบนแพลตฟอร์ม X (Twitter) ที่มุ่งมั่นตามหาหลักฐานการฉ้อโกง รวบรวมข้อเท็จจริงจนไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ และส่งมอบให้กับรัฐบาล แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบ จนกระทั่งทุกคนพากันตะโกนบนโลกออนไลน์อยู่นานกว่าหนึ่งเดือนเต็ม หน่วยงานรัฐถึงตัดสินใจรับตัวเขาไปพิจารณาคดีอย่างไม่เต็มใจ

ตอนนี้เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้ว เรื่องราวควรจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเลย ก็คือเหล่าผู้คนที่พยายามอย่างหนักเพื่อให้ความผิดของผู้บริหาร FTX ถูกเปิดโปง

  • 23 ต.ค. 2022: Nick Tomaino โพสต์ทวีตว่า FTX มีจุดน่าสงสัยทั้งในด้านกิจกรรมการซื้อขายและการสนับสนุนนโยบาย
  • 29 ต.ค. 2022: Erik Voorhees เผชิญหน้ากับ Sam Bankman-Fried อย่างสุภาพในรายการพอดแคสต์ของ Bankless ก่อนจะออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2022 ว่า SBF ใช้เงินฝากของลูกค้าเพื่อเก็งกำไรในตลาด
  • 2 พ.ย. 2022: Ian Allison เขียนบทความเปิดเผยว่า Sam Bankman-Fried ไม่มีเงิน ดังนั้นจึงใช้เหรียญ FTT จำนวนมากเป็นหลักประกันในการยืมสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีโพสต์อีกมากมายบน X ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า SBF โกงเงินของลูกค้า ในขณะที่บริจาคเงินให้กับนักการเมืองพรรคเดโมแครต แม้ว่านักการเมืองกลุ่มเดียวกันนั้นจะต้อนรับเขาเข้าสู่สภาคองเกรสก็ตาม

Coindesk, Bankless และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตอีกหลายคน คือบุคคลที่เปิดเผยความผิดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกคริปโต ไม่ใช่นักข่าว ไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่หน่วยงานกำกับดูแล และไม่มีตำรวจสักคนเดียวที่คิดจะสอบสวน SBF จนกระทั่ง Nick Tomaino, Ian Allison และ Erik Voorhees สังเกตเห็นร่องรอยบางอย่าง

นักการเมืองไม่ทำอะไรเลย

SBF เป็นผู้บริจาคเงินให้กับพรรคเดโมแครต ซึ่งเงินที่เขาบริจาคให้พรรคการเมืองนั้น ถือได้ว่าเป็นเงินก้อนใหญ่อันดับ 2 รองจากมหาเศรษฐี George Soros เลยทีเดียว และในตอนนี้ SBF ได้ยอมรับแล้วว่าเขามีส่วนช่วยในการส่ง Joe Biden ขึ้นทำเนียบขาว และยอมรับว่าเงินบริจาคเหล่านั้นเป็นเงินที่ขโมยมา

Maxine Waters ประธานฝ่ายบริการทางการเงินของสภา จากพรรคเดโมแครต ได้ยกย่องว่า SBF เป็นคนที่ “ตรงไปตรงมา” และ “ยินดีต้อนรับ” ให้เขาเป็นพยานต่อรัฐสภา แม้ว่าเรื่องราวการฉ้อโกงของเขาจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วก็ตาม

ในความเป็นจริงแล้ว SBF ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Waters และคนอื่น ๆ เพื่อครองอำนาจการกำกับดูแลของรัฐผ่านร่างกฎหมาย โดยกฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะทำให้การเงินแบบ decentralized finance ถูกมองเป็นอาชญากรรม แต่ในอีกด้านหนึ่ง กฎหมายนี้กลับเป็นประโยชน์ต่อการเงินส่วนบุคคลของ SBF

สื่อข่าวกระแสหลักไม่ทำอะไรเลย

นักข่าวชื่อดังอย่าง David Yaffe-Bellany จากสื่อข่าว New York Times ละทิ้งหน้าที่ทั้งก่อน ระหว่าง และแม้กระทั่งหลังจากที่ความผิดของ SBF ปรากฏต่อสาธารณชน โดยจุดที่เป็นประเด็นหนักที่สุดของสื่อข่าวแห่งนี้ คงไม่พ้นการปรบมือดังลั่นให้กับ SBF หลังจากที่คนทั่วโลกรู้ว่าเขาขโมยเงินหลายพันล้านไป

หลายปีที่ผ่านมา สื่อหลายสำนักมักชี้ให้เห็นว่า Bitcoin คือการพนัน แต่สื่อเหล่านั้นกลับตกลงเป็นเพื่อนสนิทกับ SBF เพราะเขาคนนี้กอบโกยเงินที่ขโมยมา แล้วนำไปมอบให้กับ NGO และสื่อกระแสหลักต่าง ๆ เช่น Semafor และ ProPublica3 ซึ่งสื่อเหล่านั้นก็ตอบแทนเขาด้วยการขนานนามให้ SBF เป็น “JP Morgan แห่งโลกคริปโต”

หน่วยงานกำกับดูแลไม่ทำอะไรเลย

Gary Gensler ประธาน ก.ล.ต. (SEC) แอบนัดพบกับ SBF แบบส่วนตัว โดยมีผู้พบเห็นเพียงไม่กี่คน แต่ขณะเดียวกัน Gensler ก็ออกมาโจมตีโปรเจกต์อื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนในที่สาธารณะ

ในกรณีหนึ่ง หลังจากที่ SBF พ่ายแพ้ไปแล้ว รายงานการประชุมของ SEC ได้มีการระบุคำว่า “การผ่อนปรนแบบมีเงื่อนไข” ซึ่งในภาษากฎระเบียบแปลว่า “เราจะไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎระเบียบกับ FTX”

ที่มา: SEC.gov

ความยุติธรรมที่เริ่มต้นโดยชาวเน็ต

เริ่มต้นด้วยนักลงทุนคริปโตธรรมดา ๆ อย่าง Nick Tomaino ทวีตว่า FTX ดูน่าสงสัย ตามมาด้วย Erik Voorhees และปิดท้ายด้วยบทความของ Ian Allison หรือเรียกได้ว่าคนทั่วโลกสามารถรับรู้ความจริงเบื้องหลังคำโกหกของอาชญากร ก็เพราะความร่วมมือของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต รายการพอดแคสต์ และเว็บไซต์ข่าวคริปโต ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนโดยสื่อรุ่นเก่า นักการเมือง หน่วยงานกำกับดูแล หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ 

ที่มา: balajis