<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitfinex ชี้ ราคา Bitcoin จะไม่ร่วงต่ำกว่า $56,000 แม้เจ้ามือ Bitcoin จะทยอยเทขายอย่างต่อเนื่อง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ข้อมูลธุรกรรมจากกระเป๋าเจ้ามือรายใหญ่ของ Bitcoin พบว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่มีการเทขาย Bitcoin อย่างต่อเนื่อง

รายงานจาก Bitfinex Alpha ระบุว่า การเคลื่อนไหวนี้มักนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งความผันผวน ราคาอาจลดลงในระยะสั้นเพื่อสร้างจุดต่ำสุด แต่จากข้อมูลผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริงแสดงให้เห็นว่า ​ราคา Bitcoin ไม่น่าจะหลุดต่ำกว่าระดับ 56,000 ดอลลาร์ในรอบตลาดปัจจุบัน

รายงานอธิบายว่า การเทขายจากกระเป๋าเงินของ กระเป๋าเจ้ามือรายใหญ่นั้นมักเป็นสัญญาณของการปรับฐานราคา Bitcoin ซึ่งในขณะที่อัตราส่วนกำไรสุทธิที่ใช้ไป (SOPR) มีค่ามากกว่า 1 อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนั่นแสดงถึงการเทขายทำกำไรอย่างรุนแรง โดย SOPR ของผู้ถือระยะยาว ยังคงอยู่ในระดับสูงตั้งแต่เดือนมีนาคม แสดงให้เห็นว่ามีการขายเพิ่มขึ้นจากเจ้ามือรายใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผู้ถือระยะยาวแทบไม่ได้ซื้อ Bitcoin เลยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยราคาที่พวกเขาขายจริงต่ำกว่า 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ว่า Bitcoin น่าจะไม่ร่วงลงไปถึงระดับนั้นในรอบตลาดนี้ ส่วนราคาที่ผู้ถือระยะสั้นขายจริง อยู่ที่ 55,834 ดอลลาร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับที่สำคัญตลอดทั้งปี 2023

ทั้งนี้ Bitfinex ประเมินว่า ต้นทุนเฉลี่ยสำหรับการไหลเข้าของกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Bitcoin (Bitcoin spot ETF) อยู่ที่ประมาณ 56,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สำคัญสำหรับ BTC ตามที่รายงานระบุ เพราะเป็นจุดบรรจบกันของตัวชี้วัดทางเทคนิคหลายตัว ที่ชี้ว่าราคานี้สามารถเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับแนวโน้มตลาดในระยะสั้นของ Bitcoin

การไหลออกของกองทุน Spot ETF ไม่น่ากังวล

สัปดาห์ที่แล้ว กองทุน Bitcoin spot ETF โดยเฉพาะกองทุน Grayscale Bitcoin ETF มีการไหลออกสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เกินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ แต่เมื่อพิจารณาการไหลเข้าของกองทุน ETF อื่น ๆ การไหลออกสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 896 ล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์ของ Bitfinex เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจดูน่าตกใจในตอนแรก เนื่องจากตลาดสกุลเงินดิจิทัลอยู่ในช่วงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบางช่วงมีการไหลเข้าเกินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ต่อวัน  แต่สถานการณ์นี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นปัญหาต่ออนาคตของตลาดเสมอไป

มีเหตุผลสำคัญหลายประการที่ทำให้การไหลออกเหล่านี้ไม่ใช่สัญญาณเตือน ซึ่งปัจจัยสำคัญประการหนึ่งคือการเปลี่ยนผ่านของนักลงทุนจาก Grayscale Bitcoin ETF ไปยังผู้ให้บริการ ETF รายอื่นที่เสนอค่าธรรมเนียมการจัดการที่สามารถแข่งขันได้และน่าสนใจทางการเงินมากกว่า นอกจากนี้การไม่มีเงินไหลออกในกองทุน ETF อื่น ๆ อาจเป็นผลมาจากช่วงตลาดขาลงที่ยาวนาน ซึ่ง GBTC เคยซื้อขายที่ส่วนลดที่สูงบางครั้งก็เกินกว่า 50%

ด้วยการเปลี่ยนแปลงกองทุนเป็น ETF ส่วน ทำให้ลดนี้แทบจะหายไปหมด ส่งผลให้การลงทุนมีความน่าดึงดูดและสร้างผลกำไรมากขึ้นสำหรับผู้ถือ BTC รายใหญ่ที่ลงทุนในช่วงตลาดขาลง

นักลงทุนเหล่านี้กำลังเห็นผลตอบแทนมากกว่าสองเท่าของผู้ที่เข้าร่วมตลาด BTC โดยตรง ส่งผลให้มีการเทขายทำกำไรก่อนกำหนดในกลุ่มนี้ การเปลี่ยนแปลงนี้ชี้ให้เห็นถึงความก้าวหน้าของฐานนักลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์มากกว่าการขาดความเชื่อมั่นในตลาด

อย่างไรก็ตาม รายงานยังชี้ให้เห็นอีกว่า ตลาดอยู่ในภาวะทรงตัวในช่วงระยะหนึ่ง ในขณะที่คาดว่าจะเกิดการชะลอตัว แต่ก็คาดว่าจะอยู่ในระดับปานกลาง โดยที่การลดลง 20% ถึง 30% ถือว่าเป็นเรื่องปกติในตลาด crypto ที่มีความผันผวน ที่สำคัญ การดึงกลับของราคาเมื่อเร็ว ๆ นี้ส่งผลกระทบที่เด่นชัดต่อ Altcoin บางตัวมากกว่าเมื่อเทียบกับ BTC ซึ่งบ่งชี้ว่าการลดลงของ Bitcoin ที่จะลดลงอย่างรุนแรงนั้นอาจมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยกว่านั่นเอง

นอกจากนี้ การไหลของ ETF เนื่องจากสัดส่วนของปริมาณการซื้อขาย spot บนกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) เพิ่มขึ้น โดยแตะจุดสูงสุดที่มากกว่า 21.8% ของปริมาณการซื้อขายสุทธิสำหรับ Bitcoin ในวันที่ 12 มีนาคม แนวโน้มนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ ETF ใน ตลาดสกุลเงินดิจิทัล และชี้ให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายแบบ spot อาจกลายเป็นตัวชี้วัดการไหลของ ETF แบบเรียลไทม์ที่น่าเชื่อถือ น้อยลงในเร็วๆ นี้

ที่มา: cryptobriefing