เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สินทรัพย์สุทธิของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง Meta Platforms มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4 แสนล้านบาท และมีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังหุ้นบริษัทของเขามีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นถึง 23%
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลา 1 วันหลังจากการเผยแพร่รายงานผลประกอบการรายไตรมาส และเหตุการณ์นี้ก็ได้ทำให้ Zuckerberg มีผลกำไรใน 1 วันสูงที่สุดนับตั้งแต่ Facebook เปิดตัวสู่สาธารณะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2012
Zuckerberg เป็นหนึ่งใน 10 บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมานานถึง 7 ปี แต่หลุดจากการจัดอันดับวเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว เนื่องจากราคาหุ้นของ Meta ร่วงดิ่งเพราะรายได้จากโฆษณาลดลง อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากคู่แข่งอย่าง TikTok และภาวะตกต่ำของเทคโนโลยีโดยทั่วไป
จากการติดตามอันดับมหาเศรษฐีแบบเรียลไทม์ของ Forbes ขณะนี้ Zuckerberg อยู่ในอันดับที่ 16 ด้านการเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งเป็นอันดับที่เพิ่มขึ้นจากอันดับ 22 เมื่อหนึ่งวันก่อน แต่ก็ยังคงต่ำกว่าอันดับเดิมของเขาเมื่อเดือนกันยายน 2021 มาก โดยในขณะนั้นเขาเป็นเศรษฐีอันดับที่ 3 ของโลก และมีสินทรัพย์ทั้งสิ้นอยู่ที่ 1.3 แสนล้านดอลลาร์
สินทรัพย์สุทธิของ Zuckerberg ที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดขึ้นหลังจากปี 2022 เนื่องจากบริษัท Meta ได้สั่งปลดพนักงานกว่า 11,000 คนในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้รายงานผลกำไรประจำปีลดลงไปมากถึง 41%
Reality Labs ได้ประกาศตัวเลขขาดทุนจากการดำเนินงานรายไตรมาสที่ใหญ่ที่สุดที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ Meta ยังรายงานด้วยว่า รายรับในไตรมาสที่ 4 ลดลงไปถึง 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ยังคงเยอะกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ว่ารายรับจะลดลงถึง 6.5%
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Zuckerberg เรียกปี 2023 ว่า “ปีแห่งการทำกำไร” และเขายังกล่าวถึงการลงแข่งขันด้านเทคโนโลยี AI อีกด้วย เนื่องจากความนิยมของ ChatGPT และโปรแกรมสร้างภาพ Stable Diffusion กำลังแพร่หลายในวงกว้าง นอกจากนี้คู่แข่งอย่าง Alphabet และ Microsoft ก็กำลังเป็นนักลงทุนรายใหญ่ใน ChatGPT ของ OpenAI เช่นกัน
แม้ว่าราคาหุ้นบริษัทจะพุ่งขึ้นถึง 23% ในวันพฤหัสบดี แต่ราคาหุ้นของบริษัทก็ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในเดือนกันยายน 2021 ถึง 51% เมื่อเทียบกับอัตราผลกำไรรายวันที่ใหญ่ที่สุดของ Meta นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2013 อย่างไรก็ตาม สัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็ถือเป็นสัปดาห์ที่ดีสำหรับ Zuckerberg
ที่มา: forbes